| |

10 อันดับ คลีนซิ่งยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะกับผิวหน้าของเรา

ใครๆก็อยากดูดีเวลาต้องออกไปพบปะผู้คน ดังนั้นเครื่องสำอางเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ยิ่งโดยเฉพาะสำหรับคุณผู้หญิง จะเห็นได้ว่ามีเครื่องสำอางมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะแป้งพัฟ รองพื้น ลิปสติก อายไลนเนอร์ และอื่นๆอีกมากมาย และในสมัยนี้เครื่องสำอางไม่ได้ใช้แค่ผู้หญิงเท่านั้น เครื่องสำอางบางอย่างผู้ชายเอง ก็ใช้เหมือนกัน แม้เครื่องสำอางจะช่วยปกปิดริ้วรอย จุดด่างดำ ทำให้เราสามารถดูดีขึ้นได้ แต่สุดท้ายเราก็ต้องล้างมันออกอยู่ดี และหากเราล้างหน้าไม่เกลี้ยง เครื่องสำอางก็จะอุดตันที่ใบหน้า ทำให้เกิดสิวได้ ซึ่งวิธีการล้างเครื่องสำอางได้ดีที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้น การใช้คลีนซิ่ง และวันนี้เรามาทำความรู้จักว่า คลีนซิ่งมีกี่แบบ และ 10 อันดับ คลีนซิ่งยี่ห้อไหนดี ที่ควรเลือกใช้

คลีนซิ่งยี่ห้อไหนดี แบบไหนดี ที่เหมาะกับเรา

คลีนซิ่ง คืออะไร ?

คลีนซิ่ง (Cleansing) คือ เป็นผลิตภัณฑ์ลบเครื่องสำอาง หรือคนมักจะเรียกว่า make up remover เพราะ เครื่องสำอางบางชนิดไม่สามารถเช็ดออก ล้างออกได้ด้วยน้ำเปล่า หรือโฟมล้างหน้าปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้มีเครื่องสำอางอุดตันบนใบหน้า ในขั้นตอนการทำความสะอาดใบหน้าเพื่อล้างเครื่องสำอาง ควรเริ่มด้วยการใช้คลีนซิ่งก่อน จากนั้นจึงปิดท้ายด้วยการล้างหน้าแบบปกติ

คลีนซิ่งมีประโยชน์อย่างไร

ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น คลีนซิ่งมีไว้สำหรับทำความสะอาดเครื่องสำอางบนใบหน้า รูขุมขนเป็นสิ่งที่มีอยู่บนใบหน้าของเราไม่มากก็น้อย เครื่องสำอางอย่างเช่น รองพื้น หรือแป้ง เมื่อเราจะใช้เครื่องสำอางเหล่านี้ ใบหน้าของเราจะดูเรียบขึ้น ปิดรูขุมขน แต่มันจะไปอุดตันในรูขุมขนอยู่มาก ซึ่งสามารถล้างออกได้ยาก หรือแม้แต่เครื่องสำอางชนิดอื่นก็ตาม คลีนซิ่งสามารถลดการอุดตันของรูขุมขน ช่วยป้องกันการเกิดสิว และอาจจะมีสรรพคุณอื่นๆเสริมขึ้นมา ซึ่งขึ้นอยู่กับเราใช้คลีนซิ่งประเภทไหน

คลีนซิ่งแบบไหนดีที่เหมาะกับผิวเรา

คลีนซิ่งนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ มีสรรพคุณ และจุดเด่นที่แตกต่างกัน เพราะผิวหน้าของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ผู้ผลิตจึงต้องมีผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผิวหน้าทุกแบบ โดยคลีนซิ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 7 แบบ รายละเอียด ดังนี้


คลีนซิ่งแบบไหนเหมาะกับเรา

แบบที่ 1 : คลีนซิ่งวอเตอร์ (Cleansing Water)

คลีนซิ่งวอเตอร์ เป็นคลีนซิ่งในรูปแบบของน้ำ โดยส่วนประกอบหลักๆของคลีนซิ่งชนิดนี้ คือ น้ำ และส่วนผสมของสารชำระล้าง (Surfactant) คลีนซิ่งวอเตอร์จะใช้คู่กับสำลี เช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอาง หรือสิ่งสกปรกอื่นๆที่เกาะอยู่บนใบหน้า โดยบางยี่ห้อก็อาจะมีการเพิ่มสูตร ใส่วิตามิน หรือสารอื่นๆ เพื่อบำรุงผิวหน้า

แบบที่ 2 : คลีนซิ่งออยล์ (Cleansing Oil)

คลีนซิ่งออยล์ เป็นคลีนซิ่งที่มีเนื้อเป็นน้ำมัน หรือก็คือ น้ำมันเช็ดล้างเครื่องสำอาง โดยส่วนมากคลีนซิ่งออยล์ มีส่วนประกอบจาก Mineral oil หรืออีกชื่อคือ Paraffinum Liquidum และมีตัวประสาน Emulsifer เพื่อให้สามารถทำความสะอาดเครื่องสำอางออกได้ง่าย โดยคลีนซิ่งออยล์นอกจากช่วยล้างเครื่องสำอางได้ดี ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ใบหน้าได้ เหมาะกับคนที่มีผิวหน้าแห้ง

แบบที่ 3 : คลีนซิ่งเจล (Cleansing Gel)

คลีนซิ่งเจล หรือเจลล้างเครื่องสำอาง เป็นคลีนซิ่งที่มีเนื้อเป็นเจล ปราศจากน้ำมัน มีค่าความเป็นด่างน้อยกว่าสบู่ โดยจะมีส่วนประกอบจาก AHA และ BHA โดย เป็นคลีนซิ่งที่ล้างออกได้ง่าย เหมาะสำหรับคนที่มีผิวมัน และบางยี่ห้อสามารถใช้แทนโฟมล้างหน้าได้

แบบที่ 4 : คลีนซิ่งมิลค์ (Cleansing Milk)

คลีนซิ่งมิลค์ เป็นคลีนซิ่งที่มีเนื้อเป็นสีขาวขุ่น เหมือนโลชันเหลวเหมือนน้ำนม เป็นผลิตภัณฑ์ที่นอกจากช่วยล้างเครื่องสำอาง และมีส่วนผสมที่ช้วยเพิ่มความชุ่มชื้นบนใบหน้า และลดการเสียดของมือ และฝ่ามือได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ผิวบอบบางแพ้ง่าย

แบบที่ 5 : คลีนซิ่งบาล์ม (Cleansing Balm)

คลีนซิ่งบาร์ม เป็นคลีนซิ่งที่มีลักษณะเป็นของแข็ง ซึ่งต่างจากคลีนซิ่งตัวอื่นๆ มีรากฐานจากคลีนซิ่งออยล์ ใช้ในการทำความสะอาดเครื่องสำอาง และสิ่งสกปรกบนใบหน้า เหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง แต่จุดเด่นของคลีน ซิ่งบาล์ม คือ ความอ่อนโยน ทำให้สามารถใช้ทำความสะอาดรอบดวงตาได้ ซึ่งเป็นจุดที่มีความอ่อนไหวได้

แบบที่ 6 : คลีนซิ่งครีม (Cleansing Cream)

คลีนซิ่งครีม เป็นคลีนซิ่งที่มีเนื้อครีม มีหลักการใกล้เคียงกับคลีนซิ่งมิงค์ แต่มีความอยู่ตัวมากกว่าคลีนซิ่งมิลค์ที่เป็นโลชันเหลว ใช้เช็ดทำความเครื่องอางได้เช่นกัน เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งแพ้ง่าย แต่คลีนซิ่งชนิดนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในไทยเท่าไหร่นัก

แบบที่ 7 : คลีนซิ่งแบบแผ่น (Cleansing Wipe)

คลีนซิ่งแบบแผ่น หรือแผ่นเช็ดเครื่องสำอาง มีจุดเด่น คือ สามารถพกได้ง่าย ใช้ได้ง่าย เก็บไว้ได้นาน โดยคลีนซิ่งแบบเเผ่นจะเป็นใช้แล้วทิ้ง สามารถเช็ดล้างเครื่องสำอางออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ หาซื้อได้ง่าย และมีราคาไม่แพง

10 อันดับ คลีนซิ่งยี่ห้อไหนดี ที่สุดแห่งปี 2022

หลังจากได้ทราบแล้วว่า มีคลีนซิ่งแบบไหนบ้าง ถัดมาเราทำความรู้จักกับ 10 อันดับ คลีนซิ่งยี่ห้อไหนดีที่สุดในปี 2022 กัน โดยเราจะเจาะลึกไปที่คลีนซิ่งประเภท คลีนซิ่งวอเตอร์

อันดับที่ 1 คลีนซิ่ง Bioderma 

มาก่อนด้วยอันดับแรกอย่างแบรนด์ Bioderma ซึ่งแบรนด์นี้ก็มีคลีนซิ่งอยู่หลายประเภท ให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้ แต่ตัวที่เราหยิบยกมา คือ Bioderma Sensibio H2O Cleansing คลีนซิ่งสูตรอ่อนโยน สำหรับผู้มีผิวบอบบางแพ้ง่าย แต่สามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง ฝุ่น PM2.5 รวมถึงสิ่งสกปรกอื่นๆที่อาจทำให้เกิดสิวได้ แม้ว่าสิ่งสกปรกนั้นจะมีอนุภาคเล็กขนาดไหนแต่ Bioderma ก็ยังสามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจด และอ่อนโยนต่อผิวหน้า (ราคา 790 บาท)


คลีนซิ่ง อันดับที่ 1

อันดับที่ 2 คลีนซิ่ง Clean & Clear 

หลายคนคงต้องเคยได้ยินชื่อแบรนด์ Clean & Clear มาบ้าง โดยรุ่นที่เราหยิบมานำเสนอ คือ Clean & Clear Micellar Water เป็นคลีนซื่งที่ผสาน 3 พลังไมเซล่า ที่ช่วยสลายเครื่องสำอางกันน้ำได้ถึง 99% ช่วยลดความมัน กำจัดสิ่งสกปรกบนใบหน้า และยังมีส่วนผสมจาก Aloe Vera ที่อ่อนโยนต่อผิวหน้าสุดๆ ราคา 119 บาท)

คลีนซิ่ง อันดับที่ 2

อันดับที่ 3 คลีนซิ่ง MizuMi

ถัดมา คือ แบรนด์ MizuMi อย่าง MizuMi Smooth Cleansing Water ซึ่งรุ่นนี้นอกจากสรรพคุณหลัก คือ การล้างเครื่องสำอาง จุดเด่น คือ ช่วยให้ผิวนุ่มลื่น เพราะมีเนื้อสัมผัสแบบ Smooth Water ซึ่งช่วยลดแรงเสียดสีที่ผิวขณะทำการเช็ดเครื่องสำอาง และยังป้องกันผิวแห้งเสีย (ราคา 490 บาท)


คลีนซิ่ง อันดับที่ 3

อันดับที่ 4 คลีนซิ่ง Nivea

อีกหนึ่งแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักของคนไทย อย่าง Nivea มากับรุ่น Nivea Acne Care Make Up Clear Micellar Water ผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดใบหน้าจาก Nivea เหมาะกับผิวผู้แพ้ง่าย เนื่องจากเป็น Micellar Water ที่มีอนุภาคขนาดเล็ก ช่วยล้างเครื่องสำอาง และสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจด นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้อให้กับผิวจากสารสกัด Magnolia (ราคา 249 บาท)


คลีนซิ่ง อันดับที่ 4

อันดับที่ 5 คลีนซิ่ง Biore

ถัดมากับแบรนด์ชื่อติดหูอย่าง Biore กับรุ่น Biore Perfect Cleansing Water Acne Care ด้วยสูตร Acne Care นี้จะช่วยลดปัญหาสิวอุดตันได้ เพราะรุ่นนี้ช่วยดูดจับคราบเครื่องสำอาง สิ่งสกปรกที่อุดตันในรูบุมขน อีกทั้งยังมีส่วนผสมของน้ำเกลือธรรมชาติ และสารสกัดจากใบ Shiso Mint ที่จะช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย บอกลาอาการสิวอุดตันไปได้เลย (ราคา 229 บาท)


คลีนซิ่ง อันดับที่ 5

อันดับที่ 6 คลีนซิ่ง Senka

แบรนด์จากญี่ปุ่นอย่าง Senka มากับ Senka ALL Clear Water Micellar White ช่วยทำความสะอาดเครื่องสะอาด และสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจด ลดความมันส่วนเกินด้วยส่วนผสมจาก White Cocoon Essence และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังด้วยสารสกัดจาก Fuji Sakura (ราคา 249 บาท)

คลีนซิ่ง อันดับที่ 6

อันดับที่ 7 คลีนซิ่ง Garnier

แบรนด์ถัดมาอย่าง Garnier สูตรใหม่ Garnier Skin Naturals Micellar Cleansing Water Vitamin C ซึ่งนอกจากช่วยทำความสะอาดผิดหน้าแล้วด้วยเทคโนโลยีไมเซล่า สูตรนี้ยังเพิ่มวิตามินซี ช่วยมอบความกระจ่างใสให้ผิว ลดปัญหาผิวหมองคล้ำ (ราคา 290 บาท)

คลีนซิ่ง อันดับที่ 7

อันดับที่ 8 คลีนซิ่ง Bifesta

สำหรับคนที่เป็นสิวแพ้ง่าย เราขอแนะนำคลีนซิ่งล้างเครื่องสำอางแบรนด์ Bifesta รุ่น Micellar Water Acne Care สูตรนี้เน้นเรื่องการลดสิวโดยเฉพาะ เพราะมันช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย ลดการอักเสบของผิว และยังมี Hyaluronate ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว (ราคา 290 บาท)


คลีนซิ่ง อันดับที่ 8

อันดับที่ 9 คลีนซิ่ง Hada Labo

ถัดมาด้วยแบรนด์ Hada Labo อย่าง Hada Labo Premium Micellar Cleansing Water Whitening สูตร นี้ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ไม่ดีออก เน้นเพิ่มความกระจ่างใสโดยเฉพาะ พร้อมทั้งการทำความสะอาดเครื่องสำอางไม่ว่าจะเป็นแบบธรรมดา หรือกันน้ำ และสิ่งสกปรกต่างๆที่อยู่บนใบหน้า อีกทั้งยังมี Hyaluronic Acid และ Absorbent Hyaluronic Acid เข้ามาช่วยมอบความชุ่มชื้น ใช้แล้วผิวจึงไม่แห้งตึง และไม่ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย (ราคา 295 บาท)


คลีนซิ่ง อันดับที่ 9

อันดับที่ 10 คลีนซิ่ง L’Oreal

และมาถึงอันดับสุดท้ายอย่างแบรนด์มีชื่ออย่าง L’Oreal กับคลีนซื่ง L’Oreal Paris Micellar Water Moisturizing ที่ผสาน 3 คุณค่าไว้ในขวดเดียว คือ ช่วยล้างเครื่องสำอาง และสิ่งสกปรกอื่นๆ ทำให้ผิวใสสะอาด และเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องสิวเสี้ยน หรือผิวแห้งอีกต่อไป (ราคา 299 บาท)

คลีนซิ่ง อันดับที่ 10

สำหรับคนไม่แต่งหน้าต้องใช้คลีนซิ่งไหม ?

จากสรรพคุณของยี่ห้อต่างๆที่เรากล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าคลีนซิ่งไม่ได้เพียงแค่ทำความสะอาดเครื่องสำอาง แต่ยังสามารถกำจัดสิ่งสกปรกทั้งหมดบนใบหน้าได้ และในปัจจุบันที่เราต้องประสบกับมลภาวะมากมายในอากาศ เพิ่มโอกาสที่จะทำให้เราต้องเจอฝุ่นผง หรือสิ่งสกปรกอื่นๆ ตกค้างอยู่บนใบหน้าทุกวัน ฉะนั้นคลีนซิ่ง ไม่จำเป็นจะต้องใช้เฉพาะคนแต่งหน้าเท่านั้น