ปอดอักเสบ (Pneumonitis) เกิดจากอะไร รักษาได้อย่างไร?

ในปัจจุบัน หนึ่งในโรคที่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างมากคือ ปอดอักเสบ โรคที่ดูเหมือนจะไกลตัว แต่แท้จริงแล้วสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ บทความนี้จะพาไปรู้จักกับโรคปอดอักเสบ ตั้งแต่สาเหตุ อาการที่แสดงออกมา ปอดอักเสบรักษายังไง ไปจนถึงวิธีการป้องกันตนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงจากความเสี่ยงนี้
ปอดอักเสบ คืออะไร แบ่งออกเป็นแบบไหนได้บ้าง
ปอดอักเสบ (Pneumonia) คือ ภาวะที่เนื้อเยื่อปอดเกิดการอักเสบ ส่งผลให้ถุงลมภายในปอดเต็มไปด้วยของเหลวหรือหนอง ทำให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ ผู้ป่วยจึงมีอาการไอ หอบเหนื่อย หายใจลำบาก และอาจมีไข้ร่วมด้วย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โรคนี้สามารถลุกลามและส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจจนถึงขั้นรุนแรงได้
ปอดอักเสบสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักตามสาเหตุ ได้แก่
ปอดอักเสบจากการติดเชื้อ
ปอดอักเสบประเภทนี้เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเชื้อโรคที่พบได้บ่อยมีทั้งเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา โดยเชื้อเหล่านี้สามารถเข้าสู่ปอดได้จากการหายใจหรือจากการแพร่กระจายของเชื้อจากส่วนอื่นของร่างกาย ยกตัวอย่าง
- เชื้อแบคทีเรีย เช่น Streptococcus pneumoniae เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปอดอักเสบในผู้ใหญ่
- เชื้อไวรัส เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไวรัส RSV หรือไวรัสโควิด-19 ก็สามารถทำให้เกิดปอดอักเสบได้
- เชื้อรา พบได้ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยโรค HIV หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
ปอดอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ
ปอดอักเสบประเภทนี้เกิดจากปัจจัยอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเชื้อโรค เช่น การสูดดมสารเคมีหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในปอด เช่น ควันพิษ แก๊ส หรือฝุ่นละอองขนาดเล็ก โรคภูมิแพ้ รวมไปถึงการสำลักอาหารหรือของเหลว อาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของปอดได้
โรคปอดอักเสบ หายเองได้ไหม?

ปอดอักเสบไม่ควรปล่อยให้หายเอง เนื่องจากเป็นภาวะที่อาจมีความรุนแรงและนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว การปล่อยให้ปอดอักเสบลุกลามอาจทำให้เกิดภาวะปอดล้มเหลว (Respiratory Failure) หรือการติดเชื้อในกระแสเลือดได้
อย่างไรก็ตาม อาการของปอดอักเสบสามารถดีขึ้นได้ หากได้รับการดูแลและรักษาอย่างถูกวิธี เช่น การไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี การดื่มน้ำให้มากๆ พักผ่อนให้เพียงพอก็ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและทำให้ระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงการทำกายภาพบำบัดปอด เช่น การฝึกหายใจลึก การตบหลังเบา ๆ เพื่อช่วยระบายเสมหะจะช่วยให้ปอดทำงานได้ดียิ่งขึ้น
โรคปอดอักเสบกับวัณโรคต่างกันอย่างไร?
ปอดอักเสบและวัณโรคต่างกันที่สาเหตุ อาการ และการรักษา โดยปอดอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา ทำให้เกิดอาการไอมีเสมหะ ไข้สูง และหายใจลำบาก ส่วนวัณโรคเกิดจากเชื้อ Mycobacterium tuberculosis มีลักษณะอาการไอเรื้อรัง ไอมีเลือด น้ำหนักลด และเหงื่อออกตอนกลางคืน
โดยปอดอักเสบสามารถรักษาให้หายได้ใน 1-2 สัปดาห์ด้วยยาปฏิชีวนะหรือยาต้านไวรัส ส่วนวัณโรคต้องใช้ยาต้านวัณโรคต่อเนื่องนานหลายเดือน และมีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อในที่แออัดมากกว่าปอดอักเสบ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบ
โรคปอดอักเสบเกิดจากปัจจัยหลายอย่างที่อาจส่งผลทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบได้ เช่น
- การติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา โดยการสูดละอองฝอยจากการไอหรือจามของผู้ติดเชื้อ หรือสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนแล้วนำมือมาสัมผัสใบหน้าหรือจมูก
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน มีโอกาสติดเชื้อง่ายและเชื้อสามารถเข้าสู่ปอดได้รวดเร็ว
- ผู้สูงอายุและเด็กเล็ก เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้ไวต่อการติดเชื้อจากคนรอบข้าง หรือจากการอยู่ในสถานที่ที่มีคนป่วยจำนวนมาก เช่น โรงเรียนหรือสถานพยาบาล
- การสูบบุหรี่และการสัมผัสมลพิษ ส่งผลทำให้ปอดอ่อนแอลง เชื้อโรคจึงเข้าสู่ปอดได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
- การใช้เครื่องช่วยหายใจหรือท่อช่วยหายใจ อาจเป็นสื่อกลางที่นำเชื้อโรคเข้าสู่ปอดโดยตรง ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสติดเชื้อในโรงพยาบาลสูงขึ้น
- การสำลักอาหารหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในปอด ทำให้เชื้อโรคที่อยู่บริเวณช่องปากสามารถเข้าสู่ปอดและทำให้เกิดการอักเสบได้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด ถุงลมโป่งพอง หรือโรคปอดเรื้อรัง มีโอกาสที่เชื้อโรคจะเข้าสู่ปอดและทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
วิธีการป้องกันการเกิดโรคปอดอักเสบ
การฉีดวัคซีนปอดอักเสบเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการป้องกันโรคปอดอักเสบและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งวัคซีนที่สามารถป้องกันโรคปอดอักเสบ ได้แก่
- วัคซีนชนิดคอนจูเกต (Conjugate Vaccine) เป็นวัคซีนที่ใช้การเชื่อมโยงระหว่างสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เช่น โปรตีน กับโพลีแซคคาไรด์จากเชื้อโรค ซึ่งช่วยเพิ่มการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยจะฉีดวัคซีนชนิดนี้ในผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป และเด็กเล็ก หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง
- วัคซีนชนิดโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide Vaccine) เป็นวัคซีนชนิดนี้ประกอบด้วยสารโพลีแซคคาไรด์จากเชื้อโรคที่เป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์แบคทีเรีย Streptococcus pneumoniae ที่เป็นสาเหตุหลักของโรคปอดอักเสบและการติดเชื้อในเลือดและสามารถป้องกันต่อเชื้อโรคหลายสายพันธุ์ โดยวัคซีนชนิดนี้จะฉีดให้กับผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจเรื้อรัง หรือโรคปอดเรื้อรัง
คำแนะนำเพื่อป้องกันการเป็นโรคปอดอักเสบ

วิธีปฏิบัติตัวเพื่อหลีกเลี่ยงโรคปอดอักเสบ และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อที่อาจนำไปสู่การเกิดปอดอักเสบ มีดังนี้
- ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังจากไอ จาม หรือสัมผัสสิ่งของสาธารณะ
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการป่วย เช่น ไอ จาม หรือมีไข้ และสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีคนมากๆ หรือในสถานพยาบาล
- ฉีดวัคซีนปอดอักเสบตามคำแนะนำของแพทย์ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ที่เป็นสาเหตุทำให้ระบบทางเดินหายใจอ่อนแอลงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคปอด
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักผลไม้ และโปรตีน เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- ออกกำลังกายเป็นประจำและนอนหลับให้เพียงพอเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศหรือควันพิษ เช่น โรงงาน ควันรถยนต์
- ตรวจสุขภาพปอดและระบบทางเดินหายใจอย่างสม่ำเสมอ
- ทำความสะอาดพื้นที่ที่มีการสัมผัสบ่อย เช่น ลูกบิดประตู โต๊ะทำงาน หรือโทรศัพท์
ปอดอักเสบ ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
ปอดอักเสบ คือภาวะที่เนื้อเยื่อปอดเกิดการอักเสบ เนื่องมาจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง โดยเชื้อที่ก่อให้เกิดปอดอักเสบอาจเป็นเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา ส่งผลให้ถุงลมในปอดเต็มไปด้วยของเหลวหรือหนอง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการไอ เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก และอาจมีไข้ร่วมด้วย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาการอาจรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยโรคปอดอักเสบจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและการแพร่ระบาดของเชื้อสู่ผู้อื่นได้ หากพบว่ามีอาการปอดอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์ออนไลน์ทันที