ฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม แก้ปวดคอ บ่า ไหล่ โรคยอดฮิตวัยทำงาน
การฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรมช่วยรักษาและบรรเทาปวดตึงคอบ่าไหล่ รักษาออฟฟิศซินโดรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลจริง อยู่ได้นาน สามารถลดอาการและรักษาได้ในระยะยาวผ่านโบท็อกหรือ Botulinum Toxin A แนวทางการรักษาที่ไม่ได้จำกัดแค่เพียงการเสริมความงาม การลดริ้วรอยและกระชับใบหน้า แต่โบท็อกออฟฟิศซินโดรมยังสามารถนำมาใช้ในการรักษาภาวะออฟฟิศซินโดรมได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย
โรคออฟฟิศซินโดรม
อาการของออฟฟิศซินโดรม ก็จะมีอยู่หลายแบบ เช่น กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง ไหล่แข็ง, ปวดหลัง ปวดตึงคอบ่าไหล่, ปวดหัวเรื้อรัง ปวดหัวไมเกรน และ เอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ โดยออฟฟิศซินโดรมเป็นกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อพังผืด
วิธีแก้ออฟฟิศซินโดรมด้วยวิธีโบท็อกออฟฟิศซินโดรม โบท็อกจะเข้าไปช่วยเป็นยาคลายกล้ามเนื้อออฟฟิศซินโดรม วิธีนี้พูดถึงกันอย่างมากสำหรับการรักษาโรคออฟฟิศซินโดรม ที่เห็นผลได้จริงและผลลัพธ์ที่คงอยู่ในระยะยาว
การรักษาออฟฟิศซินโดรม
ในปัจจุบันวิธีแก้ออฟฟิศซินโดรมมีอยู่หลายรูปแบบ ทั้งจากการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง การรักษาด้วยตัวเอง และการรักษากับแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงการรักษาผ่านแพทย์ทางเลือก ได้แก่
- รักษาออฟฟิศซินโดรมโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานและใช้ชีวิต
- รักษาออฟฟิศซินโดรมโดยการออกกำลังกายแบบเบาๆ อย่างน้อย 15 – 30 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 3 – 5 วัน
- ทำจิตใจให้แจ่มใส ลดความตึงเครียด ทำกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี
- ทานยารักษาออฟฟิศซินโดรม ยาคลายกล้ามเนื้อออฟฟิศซินโดรม ซึ่งยาที่สามารถพบได้บ่อยในการทานเพื่อรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม
- การรักษาออฟฟิศซินโดรมโดยการฝังเข็ม เป็นการรักษาทางแพทย์แผนจีน ที่จะนำเข็มแทงไปที่จุดต่างๆ ของร่างกาย
- การนวดแผนไทย เป็นทางเลือกด้านการรักษาออฟฟิศซินโดรม โดยจะเป็นการกดจุดต่างๆ นวดบริเวณที่ปวดเมื่อย
- ทำกายภาพบำบัด เป็นการรักษาออฟฟิศซินโดรมที่จะช่วยให้ร่างกายสามารถปรับโครงสร้างได้อย่างสมบูรณ์
- โบท็อกออฟฟิศซินโดรม เป็นการฉีดสาร Botulinum Toxin A หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ โบท็อก เข้าที่บริเวณกล้ามเนื้อของผู้รักษา ซึ่งโบท็อกจะเข้าไปช่วยเป็นยาคลายกล้ามเนื้อออฟฟิศซินโดรม ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและบรรเทาอาการปวดตึง อาการอักเสบ สามารถเห็นผลได้จริงและทันทีหลังจากเข้ารับการฉีด
5 อาการออฟฟิศซินโดรมยอดฮิต
ออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) เป็นกลุ่มอาการที่ปวดบริเวณกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อพังผืด มีอาการปวดเรื้อรัง ไหล่แข็ง ปวดรุนแรง สังเกตอาการก่อนรักษาออฟฟิศซินโดรมอย่างไร เราไปดู 5 อาการออฟฟิศซินโดรมที่สามารถพบได้บ่อยกัน
- อาการนิ้วล็อค เป็นอาการออฟฟิศซินโดรม ที่เกิดจากการออกแรงที่บริเวณนิ้วต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานและถี่มากจนเกินไป
- ปวดกล้ามเนื้อ ปวดตึงคอบ่าไหล่ เป็นอาการที่พบได้บ่อยมาในกลุ่มชาวออฟฟิศซินโดรม ที่จะมีอาการปวดเมื่อยกล้ามตามจุดต่างๆ ที่เกิดอาการรุนแรง มีอยู่หลายจุด เช่น อาการปวดหลัง ไหล่แข็ง
- เอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ อาการออฟฟิศซินโดรมมีเอ็นกล้ามเนื้ออักเสบเกิดจากการกระแทกบริเวณเอ็นกล้ามเนื้อ การใช้งานที่ต่อเนื่องและรุนแรงมากจนเกินไป
- อาการทางตา ออฟฟิศซินโดรมไม่ใช่แค่เพียงแสดงอาการทางกล้ามเนื้อแต่ยังรวมไปถึงอาการทางตา ได้แก่ อาการตาแห้ง ที่เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของต่อมน้ำตา
อาการออฟฟิศซินโดรมปวดหัวเรื้อรัง ปวดหัวไมเกรน ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม ที่เกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณบ่าได้ลุกลามขึ้นเรื่อยๆ จนส่งผลให้ระบบไหลเวียนโลหิตไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลือดไม่สามารถที่จะไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนตัวได้
ฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม
วิธีแก้ออฟฟิศซินโดรมโดยการฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม สามารถใช้ในการรักษาออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) เป็นตัวช่วยรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) โบท็อกไมเกรน คลายและลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ การฉีดโบท็อกรักษาออฟฟิศซินโดรม จะสามารถเข้าไปช่วยกล้ามเนื้อเกิดอาการคลายตัว มีความยืดหยุ่น คงผลลัพธ์ได้นานและสามารถที่จะรักษาได้จริง เห็นผลได้เร็ว
โบท็อกคืออะไร?
โบท็อก คืออะไร โบท็อก หรือ Botulinum toxin ชนิด A เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจาก Clostridium botulinum แบคทีเรียสายพันธุ์เฉพาะ โดยโบท็อกจะมีคุณสมบัติในการช่วยเป็นยาคลายกล้ามเนื้อออฟฟิศซินโดรมที่มีการหดตัว
หลักการทำงานของโบท็อกรักษาออฟฟิศซินโดรม
หลักการทำงานของโบท็อก คุณสมบัติในการช่วยเป็นยาคลายกล้ามเนื้อออฟฟิศซินโดรม ซึ่งโบท็อกจะเป็นสารที่มีฤทธิ์ต่อบริเวณกล้ามเนื้อมากที่สุด การรักษาด้วยโบท็อกจะเป็นการรักษาออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) ได้อย่างตรงจุดบริเวณกล้ามเนื้อและแก้ปัญหาเรื่องการปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดี
โบท็อกไหล่ จะสามารถเข้าไปช่วยเป็นยาคลายกล้ามเนื้อออฟฟิศซินโดรมพร้อมช่วยให้กล้ามเนื้อมีขนาดลดน้อยลง นั่นหมายถึงอาการที่บรรเทาลงของออฟฟิศซินโดรมและการรักษาที่สามารถอยู่ได้นานถึง 6 เดือนนั่นเอง
ฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรมเหมาะกับใคร
โบท็อกออฟฟิศซินโดรม ฉีดโบท็อกเพื่อรักษาออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่มีอาการปวดเมื่อย ตั้งแต่ในระดับปวดเมื่อยทั่วไปจนถึงปวดเมื่อยในภาวะออฟฟิศซินโดรมและออฟฟิศซินโดรมอาการหนัก
- ผู้ที่มีอาการปวดเมื่อยและไม่สามารถที่จะรักษาหรือบรรเทาอาการด้วยการทายาหรือทานยาสำหรับแก้ปวดและอักเสบได้
- การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับออฟฟิศซินโดรม อย่างตรงจุดและจริงจังมากที่สุด
- ผู้ที่เส้นประสาทถูกกดทับจากการประสบอุบัติเหตุ
- ผู้ที่เส้นประสาทถูกกดทับจากท่าทางในการทำงานและเคลื่อนไหวที่ไม่เหมาะสมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
- ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากภาวะออฟฟิศซินโดรม จนไม่สามารถดำเนินชีวิตหรือทำงานได้ตามปกติ
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างให้มีความสมดุล โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงลำคอ ไหล่หรือบ่า ช่วงส่วนบนของร่างกาย
- ผู้ที่ต้องการปรับบุคลิกภาพ ให้มีความมั่นใจด้านรูปร่าง การเคลื่อนไหว การรักษาออฟฟิศซินโดรมโดยการฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรมจะช่วยเป็นยาคลายกล้ามเนื้อออฟฟิศซินโดรมให้สามารถยืดตัวและเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับตนเองมากยิ่งขึ้น
ใครที่ไม่ควรฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม
การฉีด โบท็อกออฟฟิศซินโดรม เพื่อการรักษาที่ตรงจุด ผู้ที่ไม่ควรฉีดโบท็อกสำหรับการรักษาออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) ซึ่งมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
- ผู้ที่เป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรงรุนแรง
- ผู้ที่แพ้สาร Botulinum Toxin
- ผู้ที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโรคทางเดินระบบหายใจ
- ผู้ที่มีอาการติดเชื้อบริเวณที่ต้องการฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม
- ผู้ที่มีมีภาวะเลือดหยุดยาก
ข้อดีและข้อจำกัดของโบท็อกออฟฟิศซินโดรม
การโบท็อกออฟฟิศซินโดรม สำหรับรักษาออฟฟิศซินโดรม มีข้อดีและการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวมีข้อจำกัดแบบไหนบ้าง?
ข้อดีของโบท็อกออฟฟิศซินโดรม
โบท็อกออฟฟิศซินโดรม เป็นการรักษาออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) สามารถช่วยลดอาการปวดเมื่อย แก้ไขอาการปวดบ่า อาการไหล่ตึงหรือไหล่แข็ง ผลลัพธ์ในการฉีดโบท็อกรักษาออฟฟิศซินโดรม แค่เพียง 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้นาน 4 – 6 เดือน ลดอาการปวดเมื่อยร่างกายและภาวะออฟฟิศซินโดรมอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี
ข้อจำกัดของโบท็อกออฟฟิศซินโดรม
การฉีดโบท็อกเพื่อรักษาออฟฟิศซินโดรม ไม่ควรที่จะฉีดบ่อยมากจนเกินไป ควรเว้นระยะในการฉีด 3 – 6 เดือน เนื่องจากการฉีดโบท็อกที่ติดต่อกันมากจนเกินไป อาจจะส่งผลให้ผู้เข้ารับการรักษาเกิดภาวะดื้อโบท็อกจนทำให้การรักษาต้องหยุดชะงักได้
โบท็อกออฟฟิศซินโดรมอันตรายไหม
โบท็อกออฟฟิศซินโดรม ฉีดแล้วอันตรายหรือไม่ การรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยโบท็อกนั้นได้มาตรฐานและผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศไทยตั้งแต่ในปี 2010 อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในวงการแพทย์มามากกว่า 30 ปี ถึงประสิทธิภาพในการรักษาออฟฟิศซินโดรมและไมเกรนด้วยการใช้โบท็อกที่สามารถเห็นผลได้จริงและมีผลข้างเคียงที่น้อย
ขั้นตอนการฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม
การฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม มีขั้นตอนการรักษา มีดังต่อไปนี้
- การรักษาออฟฟิศซินโดรม แพทย์เฉพาะทางประเมินจุดที่ต้องทำการฉีด รวมถึงการแก้ไขอาการเฉพาะจุดต่างๆ
- เตรียมอุปกรณ์และจุดที่ต้องการฉีดให้เรียบร้อย
- แพทย์ทำการฉีดโบท็อกไปยังจุดที่ต้องการแก้ไขปัญหาออฟฟิศซินโดรม
- หลังจากฉีดเรียบร้อยแล้ว จะสามารถเห็นผลได้ทันที โดยทางผู้ป่วยไม่ต้องพักฟื้นหรือนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม
การโบท็อกออฟฟิศซินโดรม หลังจากฉีดโบท็อรักษาออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) มีแต่วิธีการดูแลตัวเอง ดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
- ปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์อย่างเคร่งครัด
- ถ้าหากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น โปรดแจ้งแพทย์ทันที
- แนะนำให้ผู้รักษาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตและการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการรักษาเกี่ยวกับ ออฟฟิศซินโดรม
โบท็อกออฟฟิศซินโดรมเมื่อไหร่เห็นผล
ผลลัพธ์ของการรักษาการฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม จะเห็นผลเมื่อไหร่ ซึ่งคำตอบก็คือ คุณสามารถเห็นผลลัพธ์หลังการฉีดโบท็อกรักษาออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) ทันที โดยผู้ป่วยจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายและกล้ามเนื้อตั้งแต่หลังจากการฉีด
ฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม Vs การนวดแก้ปวด
นอกจากการฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม ในปัจจุบันการรักษามีหลายแบบที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ก็คือ การนวดแก้ปวดออฟฟิศซินโดรม ซึ่งเป็นการรักษาเฉพาะทางที่จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการนวดสำหรับการกดจุดหรือนวดเฉพาะจุดเพื่อคลายอาการปวด
ซึ่งทั้งสองวิธีจะมีความแตกต่างกันทั้งในอุปกรณ์ที่ใช้และกระบวนการทำ การฉีดโบท็อกรักษาออฟฟิศซินโดรม เป็นการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
ค่าใช้จ่ายโบท็อกออฟฟิศซินโดรม
ปัจจุบันราคาในการฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม ไม่ได้แพงอย่างที่คิด โดยโปรโมชั่นและแพ็คเกจในปัจจุบันจะเริ่มต้นที่ 9,900 บาท เป็นการฉีดด้วยสาร Botulinum Toxin A ที่ผ่านการรับรองจากสหรัฐอเมริกาและไทยตั้งแต่ปี 2010
อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ลองสอบถามกับทางคลินิกรักษาออฟฟิศซินโดรมหรือโรงพยาบาลออฟฟิศซินโดรม เพื่อเลือกแพ็คเกจในการรักษาออฟฟิศซินโดรมที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการรวมถึงงบประมาณของคุณมากที่สุด
ฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรมรักษาที่ไหนดี
ควรฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรมรักษาที่ไหนดี ซึ่งในปัจจุบันมีทางเลือกด้านการรักษาด้วยโบท็อกอยู่หลายแห่ง แต่การเลือกคลินิกรักษาออฟฟิศซินโดรมที่มีคุณภาพเป็นสิ่งที่สำคัญและต้องพิจารณาให้ดี โดยมีหลักการในการเลือก ดังต่อไปนี้
- คลินิกรักษาออฟฟิศซินโดรมที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
- การให้บริการทั้งบริการหลังและก่อนการใช้บริการ
- สถานพยาบาลตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความสะดวกเดินทางได้ง่าย
- สถานพยาบาลควรมีสภาพแวดล้อมที่เป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด ถูกสุขอนามัย
- อุปกรณ์และเครื่องมือของสถานพยาบาลมีความทันสมัย ได้คุณภาพ ปลอดภัย
- โบท็อกสำหรับการฉีดโบท็อกสำหรับการรักษาโรค ออฟฟิศซินโดรม ควรมีความปลอดภัย ได้มาตรฐาน เป็นยี่ห้อที่มีคุณภาพและผ่านการรับรอง
- ราคาของการรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยการฉีดโบท็อกมีความสมเหตุสมผล มีแพ็คเกจและโปรโมชั่นที่น่าสนใจ
สำหรับใครที่กำลังมองหาคลินิกรักษาออฟฟิศซินโดรมฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม ที่มีคุณภาพและปลอดภัย แนะนำที่ BTX Migraine Thailand ศูนย์รักษาไมเกรนและออฟฟิศซินโดรม ที่พร้อมในการบริการอย่างครบวงจร ได้มาตรฐาน สะอาด เครื่องมือทันสมัย และปลอดภัย
คำถามที่พบบ่อย
การเตรียมความพร้อมด้านการรักษาด้วยการฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม จะช่วยให้คุณสามารถรักษาออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ไปรู้จักกับคำถามที่พบบ่อยเพื่อการเตรียมตัวที่ดียิ่งขึ้นกัน
ฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม ผลการรักษาอยู่ถาวรไหม
รักษาออฟฟิศซินโดรมโดยการฉีดโบท็อกภาวะออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) จะมีผลลัพธ์ในระยะยาว 4 – 6 เดือน แต่การรักษาจะเห็นผลได้ตรงจุดและแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรมใช้เวลานานเท่าไหร่
ปกติแล้วการฉีด โบท็อกออฟฟิศซินโดรม จะใช้ระยะเวลาแค่เพียง 1 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและการรักษาเฉพาะบุคคล
ข้อสรุป
การฉีดโบท็อกออฟฟิศซินโดรม ถูกแนะนำเป็นอันดับต้นๆ ในการรักษาออฟฟิศซินโดรม ซึ่งต้องบอกเลยว่าออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) เป็นโรคที่ไม่ควรละเลยหรือปล่อยไว้จนสายเกินแก้ เพราะอาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น
ขอขอบคุณเนื้อหาจาก https://www.migrainethailand.com/