Hifu นวัตกรรมปรับสภาพผิวให้สวยกระชับในระยะเวลาไม่นาน

hifu

ในปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มาช่วยคืนความอ่อนเยาว์และเสริมความแข็งแรงให้กับผิวกายเพิ่มมากขึ้น Hifu ก็อาจจะเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง แต่อาจจะไม่รู้ว่า hifu คืออะไร 

หรือบางคนอาจจะรู้อยู่แล้วว่า Hifu คือ นวัตกรรมที่ช่วยลดความหย่อนยานของผิวให้ดูกระชับมากขึ้น แต่ก็อยากจะรวมข้อมูลก่อนเข้ารับการรักษา หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำ hifu ในที่นี้จะมาคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำ Hifu ให้กับผู้ที่สนใจทำ



นวัตกรรมที่เรียกว่า Hifu คืออะไร 

hifu คือ

High Intensity Focus Ultrasound หรือที่เรียกกันว่า Hifu (ไฮฟู่) คือ นวัตกรรมที่นำคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์มาใช้ในการยกกระชับผิวส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยการทำ hifu สามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้า คอ ต้นแขน ต้นขา โดยแพทย์จะยิงคลื่นเสียงเข้าไปข้างในชั้นใต้ผิวที่มีปัญหาหย่อนยานให้กลับมาหดตัวและดูกระชับมากขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไร้ร่องรอยบาดแผลจากมีดผ่าตัด 


Hifu มีส่วนช่วยอย่างไรบ้าง 

โดยธรรมชาติของมนุษย์ ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายรวมถึงผิวหนังจะค่อย ๆ เสื่อมสภาพลงเมื่ออายุเริ่มเพิ่มขึ้น แต่ในปัจจุบันก็มีนวัตกรรมต่าง ๆ มากมายรวมถึง Hifu ที่มาเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้ผิวทุกชั้นสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อ ทำให้ผิวกลับมาดูกระชับอีกครั้งได้ โดยการทำ hifu ช่วยในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 

  • ช่วยลดความหย่อนคล้อยของผิวหน้า คาง เหนียง ลำคอ 
  • ช่วยลดเลือนริ้วรอยตามใบหน้า ดวงตา
  • ช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้าให้เล็กลง ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียนมากขึ้น
  • ช่วยแก้ปัญหาไขมันสะสมบริเวณแก้มและใต้คาง
  • ช่วยกระชับปรับสัดส่วนตามต้นแขน หน้าท้อง เอว สะโพก ต้นขา

ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ Hifu 

hifu เหมาะกับใคร? นวัตกรรม Hifu เหมาะกับกลุ่มคนอายุช่วง 25-35 ปีที่มีปัญหาผิวหนัง เช่น ผิวหนังมีริ้วรอยหรือมีความหย่อนคล้อยในระดับที่ไม่สูงมากนัก อีกทั้งการทำ Hifu ไม่จำเป็นต้องใช้มีดหรือเข็มฉีดเข้าไปในผิวหนัง ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องแผลเป็น ระยะเวลาในการฟื้นตัว และยังมีโอกาสผลข้างเคียงน้อยมาก ๆ จึงเหมาะกับกลุ่มคนดังนี้

  • ผู้ที่มีผิวหนังส่วนต่าง ๆ หย่อนคล้อย ไม่กระชับ
  • ผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าดูมีความอ่อนเยาว์มากขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างและสัดส่วนของร่างกายให้เข้าที่มากขึ้น
  • ผู้ที่ไม่ต้องการให้ผิวหนังมีรอยจากเข็มหรือมีดผ่าตัด
  • ผู้ที่ต้องการทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยที่ไม่ต้องการหรือไม่มีเวลาพักฟื้น

ความแตกต่างระหว่าง hifu และ ulthera 

ไฮฟู่

หลาย ๆ คนที่กำลังรวบรวมข้อมูลก่อนเลือกรักษาปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยนั้น นอกจาก Hifu แล้วก็เชื่อว่าจะต้องเคยได้ยิน Ulthera ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหนังได้ด้วยเช่นกัน แต่แล้วทั้งสองนวัตกรรม hifu ต่างจาก Ulthera อย่างไรบ้าง? ในที่นี้ก็ได้สรุปข้อแตกต่างระหว่างการทำ hifu และ Ulthera ให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้

HifuUlthera
Hifu แก้ปัญหาผิวหนังอย่างไรกระชับผิวหนังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนลดริ้วรอยตามผิวหนังสามารถทำได้เหมือน Hifu แต่ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
ช่วงอายุ/สภาพผิวที่เหมาะกับการทำ Hifu25-35 ปีผิวหย่อนคล้อยปานกลางผิวมีริ้วรอยปานกลาง35-60 ปีผิวหย่อนคล้อยมากผิวมีริ้วรอยมาก
หลักการทำงานคลื่นอัลตร้าซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูง สามารถส่งพลังได้ถึงผิวหนังชั้น SMASคลื่นอัลตร้าซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูง แต่มีความเจาะจง แม่นยำ และเห็นผลชัดเจนกว่า Hifu
ความเจ็บระหว่างทำเจ็บนิดหน่อยเจ็บมากกว่า Hifu ต้องแปะยาชาก่อนทำ
ผลลัพธ์คงอยู่4-8 เดือน1-2 ปี
ระยะเวลาพักฟื้นไม่มีบาดแผลไม่ต้องพักฟื้นไม่มีบาดแผลไม่ต้องพักฟื้น แต่หลังทำอาจมีอาการบวมเล็กน้อย

สามารถทำ Hifu ตรงส่วนไหนได้บ้าง

การทำ hifu สามารถทำได้หลายส่วนด้วยกัน เช่น 

hifu เหนียง

การทำ Hifu บริเวณเหนียง จะช่วยให้เหนียงที่หย่อนคล้อยบริเวณใต้คางดูกระชับเข้ากับรูปหน้ามากขึ้น

hifu กรอบหน้า

การทำ hifu จะช่วยยกกระชับหน้าให้มีทรงเรียวสวย และดูกระชับ ไม่หย่อนคล้อย อีกทั้ง Hifu ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหน้ามีความแข็งแรงมากขึ้น

hifu ใต้ตา

การทำ Hifu บริเวณใต้ตา จะช่วยทำให้ใบหน้าที่มีหนังตาตก คิ้วตก ให้ดูเข้าทรง ดวงตาดูละมุนอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ริ้วรอยที่ปรากฏตามผิวหนังรอบใต้ตาจางลงได้ด้วย

นอกจากนี้แล้ว Hifu ส่วนที่นิยมทำเพื่อกระชับผิวให้เต่งตึงมากขึ้นก็จะมี hifu ขา ต้นแขน หน้าท้อง สะโพก มุมปาก หน้าผาก เป็นต้น


ข้อดี-ข้อเสียของการทำ Hifu

hifu เหมาะกับใคร

เมื่อพูดถึงข้อดีของ Hifu การทำ hifu จะช่วยให้ผู้รับการรักษามีสภาพผิวที่กระชับและดูเยาว์วัยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในระยะเวลาไม่นาน ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวหนังมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นได้โดยที่ไม่เหลือร่องรอยแผลเป็น และไม่จำเป็นต้องพักฟื้น อีกทั้งยังสามารถทำการรักษาอื่นควบคู่เพื่อให้ผลลัพธ์ดีมากยิ่งขึ้น

แต่อย่างไรก็ตามการทำ Hifu ก็มีข้อเสีย คือ จะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยในระหว่างที่ทำ hifu หรืออาจจะพบอาการบวมแดงนิดหน่อยหลังจากทำ แต่อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นนั้นสามารถหายได้เองในระยะเวลาไม่กี่วัน


ทำ Hifu กี่ครั้งถึงเห็นผล

Hifu สามารถเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แล้วใบหน้าจะเริ่มกระชับ ริ้วรอยจะเริ่มลดลงในช่วงเดือนที่ 1-2 และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากที่สุดในช่วงเดือนที่ 2-3 ทั้งนี้ผลลัพธ์นั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของผู้เข้ารับการรักษา แต่เพื่อให้ผลลัพธ์จากทำ hifu มีประสิทธิภาพมากที่สุดควรทำทุก ๆ 3 เดือน


สรุป Hifu เพื่อคืนสภาพผิวที่กระชับ

Hifu คือ การนำคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์มาช่วยปรับสภาพผิวที่ดูหย่อนคล้อย มีริ้วรอยตามอายุที่เพิ่มขึ้นให้กลับมาดูกระชับ เต่งตึงมากขึ้น และริ้วรอยตามผิวก็จะจางลงได้โดยที่ไม่มีร่องรอยจากเข็มและไม่จำเป็นต้องผ่าตัด จึงทำให้ได้ผิวที่อ่อนเยาว์กลับคืนมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ

สำหรับผู้ที่สนใจทำ hifu ราคาจะคิดตามจุดที่ทำ เช่น hifu เหนียง จะอยู่ที่ 200 ช็อต หรือทำทั้งหน้าจะต้องใช้ประมาณ 600-800 ช็อต โดยราคาจะเริ่มต้นที่ 3,000 บาทต่อ 100 ช็อต ดังนั้นหากเจอสถานที่ทำ Hifu ราคาถูกอาจจะต้องตรวจสอบให้ละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้งานเครื่อง hifu ปลอมที่อาจส่งผลข้างเคียงกับผิวได้