ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท? เปรียบเทียบแบบละเอียดก่อนเลือกทำประกัน

การทำประกันรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของรถทุกคนควรทำและให้ความใส่ใจ เพราะช่วยป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ แต่ด้วยในปัจจุบันประกันภัยรถยนต์มีหลายประเภท การเลือกประกันให้เหมาะสมกับการใช้งานจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท แต่ละประเภทเหมาะกับใคร พร้อมคำแนะนำในการเลือกประกันให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณ
ประเภทของประกันรถยนต์ในประเทศไทย
ประเทศไทย ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท ? โดยหลักแล้วประกันรถยนต์แบ่งออกเป็นสองประเภท ได้แก่
- ประกันรถยนต์ภาคบังคับ หรือเป็นที่รู้จักกันในนามของ พ.ร.บ. เป็นประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ซึ่งกำหนดให้รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ไม่เว้นแม้แต่รถไฟฟ้า รถที่ใช้พลังงานอื่น ๆ ในการขับเคลื่อน และรถเพื่อการเกษตรทุกชนิดที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกต้องทำประกันภัยภาคบังคับตาม พ.ร.บ. รถยนต์
- ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประกันภัยที่เกิดขึ้นด้วยความสมัครใจของเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถ ต้องการที่จะทำประกันภัย โดยไม่ได้เกิดจากการถูกบังคับแต่อย่างใด เพื่อต้องการคุ้มครองความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวรถ หรือเพื่อความรับผิดของผู้เอาประกันภัยที่มีต่อบุคคลภายนอก ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท ? ประกันภัยภาคสมัครใจนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ประกันชั้น 1 ชั้น 2+ ชั้น 3 และชั้น 3+ โดยแต่ละประเภทก็จะมีความคุ้มครองและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน
ความคุ้มครองของแต่ละประเภทและความแตกต่าง
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1
เป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด ครอบคลุมความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกัน รถยนต์คู่กรณี ครอบคลุมความเสียหายต่อบุคคลภายนอก ผู้โดยสาร รวมถึงความเสียหายเมื่อไม่มีคู่กรณี รถยนต์สูญหาย ถูกโจรกรรม ไฟไหม้ และเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม นอกจากนี้บางกรมธรรม์ยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน เช่น รถยก 24 ชั่วโมงด้วย
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+
เป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองรองจากประกันภัยชั้น 1 ให้ความคุ้มครองรถยนต์ของผู้เอาประกัน รถยนต์คู่กรณี แต่ต้องมีคู่กรณีที่เป็นยานพาหนะทางบกเท่านั้น ชนแล้วหนี ติดตามไม่ได้ จะไม่ให้ความคุ้มครองและไม่คุ้มครองความเสียหายเมื่อไม่มีคู่กรณี เช่น ขับรถชนเสาไฟฟ้าหรือฟุตบาท
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+
ให้ความคุ้มครองคล้ายกับประกันชั้น 2+ แต่จะไม่คุ้มครองกรณีไฟไหม้ น้ำท่วม สูญหาย ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกันในกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น รวมถึงให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลบุคคลภายนอก ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3
เป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองเบื้องต้น เพราะให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์เฉพาะคู่กรณี ค่ารักษาพยาบาลบุคคลภายนอก ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร เหมาะสำหรับรถเก่าที่มีอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป และต้องการที่จะลดความเสี่ยงจากการนำรถมาใช้หรือเป็นรถที่นาน ๆ ครั้งถึงจะใช้งาน
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกประกันรถยนต์
เมื่อเจ้าของรถรู้แล้วว่า ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท ก่อนตัดสินใจเลือกทำประกันภัยรถยนต์ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้
- สภาพของรถ รถใหม่ รถอายุ 3 – 5 ปี ควรเลือกประกันชั้น 1 เพื่อให้ได้ความคุ้มครองสูงสุด ขณะที่รถเก่าหรือใช้ไม่บ่อยอาจเลือกประกัน หรือ 2+ เพื่อประหยัดค่าเบี้ย
- รูปแบบการขับขี่ หากขับขี่ในเมืองหรือเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น ควรเลือกประกันชั้น 1 หรือประกันที่มีความคุ้มครองมากขึ้น
- งบประมาณ ควรเปรียบเทียบค่าเบี้ยประกันแต่ละประเภทเพื่อหาตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด โดยไม่กระทบต่อการเงิน
คำแนะนำในการเลือกประกันให้เหมาะกับการใช้งาน
เพื่อให้ได้ประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับการใช้งานควรทำตามขั้นตอนดังนี้
- สร้างตารางเปรียบเทียบระหว่างประกันรถยนต์ประเภทต่าง ๆ รวมถึงค่าเบี้ยและความคุ้มครอง
- มองหาส่วนลดจากเงื่อนไขพิเศษ เช่น กล้องติดรถยนต์ GPS ประวัติการขับขี่ที่ไม่มีเคลม หรือการทำประกันภัยจากบริษัทเดิม ซึ่งอาจจะมีส่วนลดตรงนี้ให้
- ศึกษาความคิดเห็นจากผู้ใช้บริการจริงเกี่ยวกับบริษัทประกันต่าง ๆ เพื่อเข้าใจถึงคุณภาพบริการ
- หากไม่มั่นใจสามารถปรึกษาตัวแทนประกันหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
- อ่านกรมธรรม์อย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยในภายหลัง
การเลือกซื้อประกันรถยนต์เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การเข้าใจ ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท และการเปรียบเทียบความคุ้มครองจะช่วยให้เจ้าของรถสามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมสำหรับตนเองที่สุด