รวมสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน แล้วยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อไหนดีนะ ?
ยาคุมฉุกเฉินคืออะไร ยาคุมฉุกเฉินมีอันตรายหรือไหม สาว ๆ หลายคนอาจจะรู้จักยาคุมฉุกเฉินกันแล้วแต่อาจจะไม่รู้ว่าวิธีการใช้งานหรือประเภทของยาคุมฉุกเฉินมีอะไรบ้าง และวิธีการทานยาคุมฉุกเฉินควรทานอย่างไร ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับยาคุมฉุกเฉินทุกประเภทพร้อมกับให้คำแนะนำที่เกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉินทั้งหมด
ยาคุมฉุกเฉิน คืออะไร
ยาคุมฉุกเฉินคืออะไร? สาว ๆ จะต้องรู้ก่อนว่ายาคุมฉุกเฉินมีหน้าที่ในการคุมกำเนิดเหมือนกับยาคุมทั่ว ๆ ไปที่สามารถใช้ในสถานการณ์ที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้คุมกำเนิดหรือเกิดผิดพลาดจากวิธีการคุมกำเนิด ซึ่งภายในตัวยาคุมฉุกเฉินจะประกอบไปด้วยฮอร์โมนโปรเจสโตเจนที่ทำหน้าที่ยับยั้งการตกไข่และสามารถคุมกำเนิดได้ 75-85%
ยาคุมฉุกเฉินทำงานอย่างไร
ยาคุมฉุกเฉินมีวิธีการทำงานที่คล้ายกับยาคุมประเภทอื่นโดยการทำงานของยาคุมฉุกเฉินมีดังนี้
- มีหน้าที่เข้าไปยับยั้งการตกไข่
- ส่งผลให้เกิดมูกและเมือกบริเวณปากมดลูกซึ่งจะทำให้อสุจิเคลื่อนตัวได้ช้าจึงทำให้ปฏิสนธิกับไข่ได้ยาก
- ยาคุมฉุกเฉินจะส่งผลโดยตรงต่อสภาพเยื่อบุโพรงมดลูกซึ่งไม่เหมาะสำหรับการฝังตัวของไข่
ประเภทของยาคุมฉุกเฉิน
ยาคุมฉุกเฉินในปัจจุบันมีทั้งหมด 2 ประเภทที่เข้ามาเป็นทางเลือกให้แก่สาว ๆ โดยประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินทั้งสองชนิดนี้สามารถคุมกำเนิดได้เท่ากัน แต่เพียงแค่มีรูปแบบวิธีการทานที่แตกต่างกันเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้เท่านั้นเอง
1. ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด
ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ดประกอบไปด้วยปริมาณฮอร์โมนลีโวนอร์เจสเตรล 1.5 มิลลิกรัม ซึ่งสามารถรับประทานได้ทันทีและสะดวกกว่าแบบสองเม็ดเนื่องจากไม่ต้องนับชั่วโมงว่าควรจะทานยาเม็ดต่อไปอีกทีเวลาไหน
2. ยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด
ยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด จะมีปริมาณฮอร์โมนลีโวนอร์เจสเตรล 0.75 มิลลิกรัมต่อ 1 เม็ด ซึ่งแบ่งทานครั้งละ 1 เม็ด เมื่อทานครบทั้งสองเม็ดก็จะได้ปริมาณฮอร์โมนลีโวนอร์เจสเตรลเท่ากับเม็ดเดียว แต่รูปแบบของยาคุมประเภทนี้มีข้อดีคือช่วยลดผลข้างเคียงจากการทานได้ เนื่องจากแต่ละเม็ดมีปริมาณฮอร์โมนที่น้อยกว่าและสามารถแบ่งทานได้
ยาคุมฉุกเฉินต่างจากยาคุมกำเนิดทั่วไปอย่างไร
ยาคุมกำเนิดทั่วไปและยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีความแตกต่างกันทั้งวิธีการทาน ปริมาณของฮอร์โมนที่อยู่ในตัวยาแต่ละเม็ด ซึ่งยาคุมทั้งสองแบบแตกต่างกันดังนี้
ยาคุมกำเนิดทั่วไป
ยาคุมกำเนิดทั่วไปจะมีส่วนประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน โดยวิธีการทำงานของส่วนประกอบทั้งสองชนิด คือ ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะทำหน้าที่ในการยับยั้งการตกไข่ซึ่งจะทำให้อสุจิไม่สามารถปฏิสนธิกับไข่ได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการตกไข่ก่อนกำหนดและทำให้รังไข่ถูกลดการถูกกระตุ้นที่มากเกินไปได้อีกด้วย
ในส่วนของการทำงานของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน คือ เมื่อร่างกายได้รับสารตัวนี้จากยาคุมกำเนิดในช่วงก่อนตกไข่จะช่วยยับยั้งการตกไข่ได้ และเมื่อฮอร์โมนทั้งสองตัวนี้มารวมกันจะทำให้เกิดมูกหรือเมือกบริเวณปากมดลูกซึ่งทำให้อสุจิเคลื่อนตัวได้ยากขึ้น ท่อนำไข่มีการเคลื่อนตัวผิดปกติทำให้ไข่เคลื่อนตัวได้ยาก และเยื่อบุโพรงมดลูกจะบางลงทำให้การฝังตัวอ่อนเป็นไปได้ยาก
ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน
ยาคุมฉุกเฉินจะสามารถใช้ได้ในกรณีที่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นในกรณีอย่างการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้คุมกำเนิด ผิดพลาดจากการคุมกำเนิดโดยปกติหรือกรณีอื่น ๆ
ซึ่งภายในตัวยาของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะประกอบไปด้วยฮอร์โมนโปรเจสโตเจนที่ทำหน้าที่ยับยั้งการตกไข่ซึ่งประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าและมีผลข้างเคียงมากกว่ายาคุมกำเนิดทั่วไป ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้กินยาคุมฉุกเฉินบ่อย
ข้อบ่งชี้ในการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
การใช้ยาคุมฉุกเฉินจำเป็นที่จะต้องคำนึงข้อบ่งชี้ในการใช้งานดังนี้
- ลืมทานยาคุมกำเนิดทั่วไป
- เลยกำหนดในการฉีดยาคุมกำเนิด
- มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
- มีวิธีการคุมกำเนิดที่ไม่ถูกต้อง เช่น ขณะมีเพศสัมพันธ์ถุงยากแตก ถุงยางหลุด
- ถูกข่มขืน
- ห่วงคุมกำเนิดหรือยาฝังหลุด
- Diaphragm or cervical cap หรือฝาครอบปากมดลูกหลุดออก หรือแตกและขาดขณะมีเพศสัมพันธ์
- คำนวณวันเว้นในการมีเพศสัมพันธ์ผิดพลาด
- มีวิธีการหลั่งข้างนอกที่ล้มเหลว เช่น หลั่งในช่องคลอดและอวัยวะเพศด้านนอก
ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉิน
สำหรับสาว ๆ ที่ต้องการจะทานยาคุมฉุกเฉินควรปรึกษาเภสัชหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอเนื่องจากมีข้อจำกัดดังนี้
- ตั้งครรภ์
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งเต้านม
- ผู้ที่ป่วยเป็นไมเกรน
- ผู้ที่ป่วยเกี่ยวกับตับ เช่น ตับแข็ง
- ผู้ที่สูบบุหรี่จัด
- ผู้ที่มีภาวะอ้วนหรือเป็นโรคไขมันในเลือดสูง
- ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
- ผู้ที่ป่วยเกี่ยวกับโรคหัวใจหรือหลอดเลือด
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน
หลาย ๆ คนมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉินมากมายหลายข้อ ซึ่งในวันนี้เราได้รวบรวมมาให้อ่านแล้วจะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลย
ยาคุมฉุกเฉินกินแล้วไม่ท้องแน่นอน
ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพในการป้องกันการคุมกำเนิดได้ 100% โดยสามารถคุมกำเนิดได้เพียง 95% หลังจากมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 12 ชั่วโมง และสามารถคุมกำเนิดได้ 58% หลังจากผ่านไป 49-72 ชั่วโมง
ยาคุมฉุกเฉินสามารถใช้คุมกำเนิดก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ได้
ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถทานก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้ เนื่องจากยาคุมกำเนิดฉุกเฉินสามารถช่วยคุมกำเนิดได้แต่ถ้าผ่านไปแล้ว 12 ชั่วโมง หลังจากทานยาเม็ดสุดท้ายก็จะไม่สามารถคุมกำเนิดได้แล้ว
ยาคุมฉุกเฉินสามารถใช้คุมกำเนิดระยะยาวได้
ยาคุมฉุกเฉินไม่ควรใช้คุมกำเนิดในระยะยาว เนื่องจากอาจส่งผลอันตรายต่อร่างกายและทำให้เกิดโรคได้ เช่น โรคมะเร็ง อีกทั้งในระยะยาวอาจทำให้การตั้งครรภ์ไม่มีประสิทธิภาพได้อีกด้วย
ยาคุมฉุกเฉินเป็นยาทำแท้ง
ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถเป็นยาทำแท้งได้เพราะยาคุมฉุกเฉินเป็นเพียงยาคุมกำเนิดเท่านั้น
ยาคุมฉุกเฉินกินแล้วทำให้เกิดภาวะท้องยาก
ยาคุมฉุกเฉินไม่ส่งผลต่อการทำให้มีลูกยากแต่อาจจะส่งผลให้ประจำเดือนเลื่อน ประจำเดือนมาน้อยหรือมีภาวะไข่ตกผิดปกติเท่านั้น
ยาคุมฉุกเฉิน ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย
การใช้ยาคุมฉุกเฉินควรศึกษารายละเอียดการใช้งานให้ถูกต้องและปลอดภัย ซึ่งวิธีใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด และวิธีใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด มีดังนี้
วิธีใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด
ยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียวสามารถทานได้ทันทีหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ โดยยาคุมฉุกเฉินประเภทนี้จะเหมาะสำหรับสาว ๆ ที่กลัวว่าจะลืมทานยาเม็ดต่อไปในเวลาที่กำหนด
วิธีใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด
ยาคุมฉุกเฉินแบบสองเม็ดจะช่วยลดอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้จากการทานยาคุมฉุกเฉินโดยมีวิธีการทานดังนี้
- วิธีที่ 1 ทานยาเม็ดแรกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ภายใน 72 ชั่วโมง และทานยาเม็ดที่สองหลังจากทานเม็ดแรกไปแล้ว 12 ชั่วโมง
- วิธีที่ 2 ทานยาทั้งสองเม็ดพร้อมกันภายใน 72 ชั่วโมง
ข้อดี – ข้อจำกัดของการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
การใช้ยาคุมฉุกเฉินมีทั้งข้อดี และข้อจำกัด เพราะฉะนั้นแล้วการศึกษารายละเอียด วิธีการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก มาดูว่ายาคุมฉุกเฉินมีข้อดีและข้อจำกัดอะไรบ้าง
ข้อดีของการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
ยาคุมฉุกเฉินเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมได้ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปและทานง่าย
ข้อจำกัดของการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
ยาคุมฉุกเฉินจะมีผลข้างเคียงมากกว่ายาคุมกำเนิดทั่วไป เช่น คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะหรือปวดหัว โดยยาคุมฉุกเฉินไม่ควรทานมากกว่า 2 แผงภายในครั้งเดียว และควรทานเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น
ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อไหนดี
ยาคุมฉุกเฉินมีให้เลือกใช้หลายยี่ห้อ แล้วแต่ว่าใครสะดวกจะเลือกทานยี่ห้อใด โดยส่วนมากแล้วเภสัชกรร้านขายยาจะเป็นผู้แนะนำยาคุม 3 ยี่ห้อ ดังนี้
1. ยาคุมฉุกเฉินมาดอนน่า (Madonna)
ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อมาดอนน่ามีฮอร์โมนลีโวนอร์เจสเตรลสูง ซึ่งจะช่วยยับยั้งการตกไข่และจะช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลให้ไม่เหมาะสำหรับการฝังตัวของไขที่ผ่านการผสมแล้ว โดยยาคุมมาดอนน่ามีให้เลือกสองแบบคือ ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด และยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด และมีราคาอยู่ที่ 40-80 บาทต่อกล่องสามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยาทั่วไป
2. ยาคุมฉุกเฉินเมเปิ้ล ฟอร์ท (Maple Forte)
ยาคุมฉุกเฉินเมเปิ้ล ฟอร์ท มีส่วนประกอบของเลโวนอร์เจสเทรล 1.5 มิลลิกรัม ที่ทำหน้าที่ยับยั้งการตกไข่ได้ ซึ่งในหนึ่งกล่องจะบรรจุยา 1 เม็ดและสามารถทานได้ทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ โดยสามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยาทั่วไปในราคา 40-65 บาท ต่อกล่อง
3. ยาคุมฉุกเฉินโพสตินอร์ (Postinor)
ยาคุมฉุกเฉินโพสตินอร์จะประกอบไปด้วยลีโวนอร์เจสเตรลที่ออกฤทธิ์สำหรับการคุมกำเนิดอย่างการยับยั้งการเจริญถุงไข่หรือการแตกของถุงไข่ได้ โดยยาคุมโพสตินอร์มีแค่รูปแบบสองเม็ด ควรทานเม็ดแรกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 72 ชั่วโมงและทานเม็ดต่อไปหลังจากผ่านไปแล้ว 12 ชั่วโมง
และยาคุมฉุกเฉินโพสตินอร์ราคาต่อกล่องอยู่ที่ 40-58 บาท สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปหรือร้านสะดวกซื้อที่ให้บริการร้านขายยา
ข้อควรระวังในการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
ยาคุมฉุกเฉินสามารถช่วยลดการตั้งครรภ์ได้ก็จริงแต่ก็มีข้อควรระวังในการทานด้วยเช่นกัน ซึ่งมีดังนี้
- ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถใช้แทนยาคุมกำเนิดทั่วไปได้ ควรใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
- ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์ได้
- ไม่ใช้ยาทำแท้ง
- มีผลข้างเคียงสูงและส่งผลต่อฮอร์โมนเช่น ประจำเดือนมาผิดปกติ คลื่นไส้ อาเจียน
- ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถคุมกำเนิดได้ในระยะยาว
- ยาคุมฉุกเฉินไม่ส่งผลต่อภาวะมีบุตรยาก
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
ผลข้างเคียงยาคุมฉุกเฉินหลังจากที่ทานเข้าไปแล้วมีอาการที่ควรสังเกตและแยกให้ได้ว่าเป็นอาการของการทานยาคุมฉุกเฉินหรือเกิดจากการแพ้ตัวยา โดยการทานยาคุมฉุกเฉินจะมีผลข้างเคียง ดังนี้
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ประจำเดือนมาผิดปกติ
- ปวดท้อง เจ็บคัดเต้านม
- มีเลือดออกเล็กน้อยหรือมากระหว่างเดือน
ซึ่งอาการทั้งหมดนี้เกิดจากผลข้างเคียงของการทานยาคุมฉุกเฉิน แต่ถ้าหากมีอาการลมพิษ มีไข้ คันตา ไอ คัดจมูก เกิดอาการบวมบนใบหน้าหรือคอ ควรที่จะรีบไปพบแพทย์ทันทีเนื่องจากอาจจะเกิดจากการแพ้ยาได้
วิธีเก็บรักษายาคุมฉุกเฉิน
วิธีการเก็บรักษายาคุมฉุกเฉินนั้น ควรเก็บไว้ในที่อุณหภูมิห้องหรืออุณหภูมิที่น้อยกว่า 30 องศาเซลเซียส และไม่โดนแดดโดยตรง
กินยาคุมฉุกเฉินบ่อย อันตรายไหม
การทานยาคุมฉุกเฉินบ่อยจะส่งผลต่อร่างกายและสุขภาพอย่างแน่นอน เนื่องจากมีปริมาณฮอร์โมนในเม็ดยาที่สูงกว่ายาคุมทั่วไปซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งเต้านมได้ นอกจากนี้ยังทำให้ประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดลดลงได้อีกด้วย
ยาคุมฉุกเฉินราคาเท่าไหร่
ในปัจจุบันนี้นอกจากยาคุมฉุกเฉินจะสามารถหาซื้อได้จากร้านขายยาทั่วไป และยาคุมฉุกเฉินราคาไม่แพงก็มีเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วยาคุมฉุกเฉินจะมีราคาต่อกล่องอยู่ที่ 40-100 บาทเท่านั้น
คำถามที่พบบ่อย
หลายคนคงมีคำถามเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นยาคุมฉุกเฉินต้องกินภายในกี่ชั่วโมง ยาคุมฉุกเฉินคุมได้นานกี่วัน และกินยาคุมฉุกเฉินขณะให้นมบุตรได้ไหม มาดูคำตอบกันเลย
ยาคุมฉุกเฉินต้องกินภายในกี่ชั่วโมง
ยาคุมฉุกเฉินกินเวลาไหน? ความจริงแล้วยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 72 ชั่วโมง
ซึ่งถ้าหากทานแบบเม็ดเดียวสามารถทานได้ทันที แต่ถ้าเป็นแบบสองเม็ดให้ทานเม็ดแรกไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ และทานเม็ดทานสองหลังจากทานเม็ดแรกไปแล้ว 12 ชั่วโมง
ยาคุมฉุกเฉินคุมได้นานกี่วัน
สาว ๆ หลายคนมักจะสงสัยว่ายาคุมฉุกเฉินคุมได้นานกี่วัน แต่ความจริงแล้วยาคุมฉุกเฉินจะช่วยคุมกำเนิดหลังจากมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น ไม่สามารถทานล้างหน้าเพื่อป้องกันการคุมกำเนิดได้
กินยาคุมฉุกเฉินขณะให้นมบุตรได้ไหม
สามารถกินยาคุมฉุกเฉินได้ขณะให้นมบุตร
ข้อสรุป
สาว ๆ คนไหนที่มีเหตุฉุกเฉินและจำเป็นที่จะต้องทานยาคุมฉุกเฉินอย่าลืมที่จะศึกษาข้อมูลของยาคุมฉุกเฉินให้ดีก่อนทุกครั้ง และอย่าลืมว่ายาคุมฉุกเฉินใช้ได้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น และหวังว่าสาว ๆ จะได้ข้อมูลที่สำคัญอย่างวิธีการทานที่ถูกต้องไปใช้ได้จริง และเราอยากแนะนำว่าไม่ควรทานยาคุมฉุกเฉินมากกว่า 2 ครั้งภายในเดือนเดียวกัน ซึ่งควรเลือกวิธีคุมกำเนิดอย่างทานยาคุมกำเนิดทั่วไปหรือใช้วิธีฝังยาคุมหรือฉีดยาคุมแทนเพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้