ฉีดฟิลเลอร์ปาก ให้ริมฝีปากกระจับสวยได้รูป

สำหรับผู้ที่รักสวยรักงาม อยากให้ทุกส่วนบนใบหน้าดูมีเสน่ห์ ดึงดูดใจผู้คน แน่นอนว่าก็ต้องคอยหมั่นบำรุงทั้งผิวหน้า กันคิ้ว รวมถึงเวลาแต่งหน้าออกไปข้างนอกก็จะเขียนคิ้ว เขียนตา ทาลิปสติกให้ดูมีสีสันสวยงามก่อนออกไปพบปะกับผู้คนอยู่เสมอ
แต่ในกรณีที่ริมฝีปากแห้งเป็นร่อง ดูบางและไม่สมดุล ก็จะทำให้การทาปากให้ดูสวยนั้นเป็นไปได้ยาก และถึงแม้ว่าทาลิปสติกแล้วก็ยังคงเห็นร่องรอยปัญหารูปริมฝีปากและเนื้อปากอยู่ ดังนั้นในปัจจุบันจึงมีการฉีดฟิลเลอร์ปาก หรือที่เรียกกันว่า ฉีดปากกระจับ ที่เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาปากแห้ง ไม่ได้ทรง ให้มีรูปทรงสวยรับกับใบหน้าและน่าสัมผัสมากขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์คืออะไร
การฉีดฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารเติมเต็มที่เรียกว่า Hyaluronic Acid(HA) หรือที่เรียกกันว่า กรดไฮยาลูรอนิกในชั้นผิวหนังหรือใต้ชั้นผิวหนังตื้นเพื่อช่วยเติมเต็มผิวหนังที่มีปัญหายุบตัวเสื่อมสภาพตามช่วงอายุที่เพิ่มขึ้นให้กลับมาดูเรียบเนียน เต่งตึง และดูมีความชุ่มชื้นมีน้ำมีนวล และเปล่งปลั่งมากขึ้น
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์นั้นจะเห็นได้อย่างชัดเจนในระยะเวลาไม่นาน อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง จึงทำให้การฉีดฟิลเลอร์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน โดยการฉีดฟิลเลอร์นั้นสามารถฉีดได้หลายจุดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใต้ตา คาง ร่องแก้ม ขมับ หน้าผาก รวมถึงริมฝีปาก
ทำไมถึงต้องฉีดฟิลเลอร์ที่ปาก

จากที่เกริ่นไว้ข้างต้นการฉีดฟิลเลอร์จะช่วยทำให้บริเวณที่ฉีดสารเติมเต็มมีความกระชับ เต่งตึง ดูเปล่งปลั่ง ซึ่งในกรณีที่นำฉีดฟิลเลอร์ที่ใช้สารHyaluronic Acid ที่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำมาฉีดบริเวณปาก ก็จะช่วยบำรุงและแก้ไขปัญหาปากแห้งให้ปากดูมีความชุ่มชื้น เปล่าปลั่งมาก รวมถึงผู้ที่มีปัญหาร่องบนริมฝีปาก การฉีดฟิลเลอร์ปากก็จะช่วยฟื้นฟูริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มและเต่งตึง
ฟิลเลอร์ปาก นอกจากจะช่วยบำรุงริมฝีปากให้ดูเต่งตึง มีน้ำมีนวลแล้ว ยังช่วยปรับขนาดและรูปทรงปากที่ไม่ได้สัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากเบี้ยว มุมปากตก มุมปากสองข้างไม่เท่ากัน ขอบปากไม่ชัดเจน หรือริมฝีปากบางเกินไป ให้ริมฝีปากดูมีสัดส่วนสมดุล มีทรงสวยเหมาะกับใบหน้าของผู้เข้ารับการฉีดฟิลเลอร์มากขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม
สำหรับหลาย ๆ คนที่กังวลว่าการฉีดฟิลเลอร์ปากจะเป็นอันตรายกับร่างกายไหม?
การฉีดฟิลเลอร์ปากนั้น “ไม่เป็นอันตราย” อย่างที่คิด ถ้าหากฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดนั้นเป็นของแท้ที่ได้รับมาตรฐานอย. โดยฟิลเลอร์แท้จะผลิตขึ้นจากสารHyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นสารที่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้เองตามระยะเวลา โดยสารHyaluronic Acid จะคงอยู่กับร่างกายราว 4 เดือน – 1ปีครึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าสารฟิลเลอร์จะตกค้างและเป็นภัยกับร่างกาย
นอกจากนี้แล้วยังควรเข้ารับการทำฟิลเลอร์ปากกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ เนื่องจากริมฝีปากเป็นจุดที่มีเส้นเลือดฝอยเส้นเล็ก ๆ เยอะ ซึ่งมีระดับความยากในการฉีดพอสมควร ดังนั้นถ้าเข้ารับการรักษากับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญก็จะช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้ฉีดโดนเส้นเลือดหลักที่สำคัญได้
กลับกัน ถ้าฉีดฟิลเลอร์ปลอมจะเกิดอันตรายไหม?
แน่นอนว่ามีโอกาสที่จะเป็นภัยอันตรายกับร่างกาย เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมส่วนมากไม่ได้ผลิตจากHyaluronic Acid แต่ผลิตจากสารอื่น ๆ ที่มีการอ้างสรรพคุณว่าเป็นฟิลเลอร์กึ่งถาวรที่จะคงอยู่ได้นานกว่า 5 ปี และสำหรับฟิลเลอร์ที่มีการนำเข้ามาอย่างผิดกฏหมาย ไม่ได้รับการรองรับจากอย. ก็จะเป็นอันตรายกับร่างกายด้วยเช่นกัน
เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมไม่สามารถสลายตัวตามธรรมชาติเองได้ ถ้าหากปล่อยให้อยู่ภายในร่างกายเป็นระยะเวลานาน ฟิลเลอร์ปลอมก็จะย้ายไปรวมเป็นก้อนอยู่ในบริเวณอื่น ๆ บนใบหน้า และถ้าเกิดฉีดฟิลเลอร์ปลอมไปยังบริเวณเส้นเลือดหลัก หรือฉีดบริเวณอื่นที่ไม่ควรฉีด ก็จะส่งผลอันตรายต่อร่างกายด้วยเช่นกัน โดยอันตรายที่อาจพบจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอมมี ดังนี้
- อาการอักเสบ ติดเชื้อ
- ผิวบวมนูนเป็นก้อน
- รูปปากผิดรูปจากเดิม
- เนื้อตาย
- เส้นประสาทถูกทำลาย มีโอกาสตาบอด
อย่างไรก็ตามเพื่อให้การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นไปได้อย่างปลอดภัย นอกจากจะค้องรักษากับสถานที่ที่มีความน่าเชื่อถือ และได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว ผู้เข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ปากเองก็จำเป็นที่จะต้องให้ความร่วมมือกับทางแพทย์ด้วยเช่นกัน
โดยในกรณีที่เคยผ่าตัดริมฝีปาก แต่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ปากจะต้องแจ้งประวัติการรักษาให้ทางแพทย์รับทราบ เนื่องจากผู้ที่เคยผ่าตัดริมฝีปากมีโอกาสที่จะฉีดฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดมากกว่า ซึ่งในกรณีที่ทางแพทย์ทราบแล้วก็จะฉีดฟิลเลอร์ด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ปากจะต้องดูแลตนเองอย่างไร

หลังจากเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วจะต้องดูแลตนเองเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีด filler นั้นอยูคงทนอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ
หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้วหากดื่มน้ำเยอะ ๆ ก็จะช่วยทำให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดีขึ้น และจะช่วยทำให้ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ปากอยู่นานมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงของร้อน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
ของร้อนเป็นสิ่งที่จะส่งผลทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วขึ้น เพราะฉะนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการดื่มหรือทานของร้อน รวมถึงการทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกร้อน เช่น ซาวน่า การออกกำลังกาย ด้วย นอกจากนี้แล้วในกรณีที่ดื่มของร้อนหลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก ก็อาจจะทำให้ปากบวมขึ้นมาได้
- หลีกเลี่ยงอาหารดอง อาหารรสจัด
การทานอาหารหมักดองหรืออาหารที่มีรสจัด ก็จะทำให้อาการปวดที่เกิดยากการฉีดฟิลเลอร์ปากยุบตัวช้าลง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
หลังจากที่ฉีดปากในช่วง 12 ชั่วโมงแรกควรหลีกเลี่ยงการทาลิป หรือการใช้หลอดดูด และสูบบุหรี่ และในช่วง 2-3 วันแรกก็ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส เกา ดึงหรือลอกริมฝีปาก เพราะจะทำให้ริมฝีปากเสียทรง กักเก็บน้ำได้น้อย
ผลข้างเคียงที่มีโอกาสพบ
แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ปากจะไม่ส่งผลอันตรายกับร่างกายหากใช้ filler ของแท้ที่ได้รับมาตรฐาน แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงหลังจากฉีดฟิลเลอร์ปากด้วยเช่นกัน
โดยอาการข้างเคียงที่มักพบหลังฉีดปาก คือ รอยแดงที่เกิดขึ้นจากเข็ม อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ และยังมีโอกาสที่จะรู้สึกเจ็บหลังจากการฉีดได้ แต่อาการข้างเคียงเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายบวม หายเจ็บเป็นปกติเองได้หลังจากผ่านการฉีดแล้ว 7-14 วัน และผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ปากก็จะชัดเจนมากขึ้น
นอกจากนี้แล้วยังมีอาการข้างเคียงอื่น ๆ เช่น ฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด ซึ่งในกรณีนี้ในปัจจุบันสามารรักษาได้โดยวิธีการฉีดสลายฟิลเลอร์ให้หายกลับมาเป็นปกติภายใน 7-14 วัน
สรุป
การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นการฉีดสารHyaluronic Acid บริเวณริมฝีปาก เพื่อช่วยแก้ปัญหาริมฝีปากแห้ง แตกเป็นร่อง ให้มีความชุ่มชื้น รวมถึงช่วยเติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม เต่งตึง และสวยกระจับ สมดุลกับใบหน้ามากขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหรือเสียเวลาในการรักษานาน