ฝากไข่ (Egg Freezing) คืออะไร ทำไมคนสมัยใหม่ถึงหันมาฝากไข่กันมากขึ้น?

ปัจจุบันสังคมไทยมีค่านิยมที่เปลี่ยนไปในเรื่องของการสร้างครอบครัวหรือการมีลูก ทำให้ผู้หญิงเข้าสู่สภาวะการมีลูกช้า อาจจะเป็นเพราะว่าผู้หญิงหลายคนมีเป้าหมายในชีวิตที่ต้องทำให้สำเร็จก่อน หรือยังไม่เจอคนที่ใช่ ยังคงรักสนุก ชอบเที่ยว และชอบผจญภัยอยู่ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปถึงจะเริ่มวางแผนแต่งงานและมีลูก
แต่เมื่อถึงเวลานั้นมาถึง วันที่ผู้หญิงพร้อมตั้งครรภ์ ร่างกายและรังไข่อาจจะเสื่อมสภาพไปตามอายุ ทำให้เกิดภาวะการมีบุตรยาก หรือภาวะครรภ์ผิดปกติ ดังนั้นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะสามารถมีบุตรตอนอายุเยอะได้โดยที่ไม่กระทบต่อสุขภาพร่างกายและเด็กในครรภ์คือการฝากไข่
ฝากไข่ คืออะไร
การฝากไข่ (Oocyte Cryopreservation หรือ Oocyte freezing) คือ เซลล์ไข่ที่ผ่านกระบวนการเก็บไข่ผู้หญิง ด้วยวิธีการใช้ฮอร์โมนกระตุ้นรังไข่ เพื่อให้ได้ไข่ใบที่สมบูรณ์ที่สุด เมื่อไข่โตพอแล้ว แพทย์จะทำการเก็บไข่ ซึ่งในผู้หญิงบางรายอาจจะได้ไข่ที่สมบูรณ์มากถึง 15 ฟองขึ้นไป
จากนั้นแพทย์จะรีบนำไข่ไปแช่ที่อุณหภูมิเย็นจัด -196 องศาเซลเซียส เพื่อคงสภาพคุณภาพของไข่เอาไว้ได้นานหลายปี และเมื่อถึงเวลาที่ผู้หญิงต้องการมีบุตร แพทย์จะนำเซลล์ไข่ที่ถูกแช่แข็งไว้มาละลาย แล้วนำไปปฏิสนธิกับเชื้ออสุจิของเพศชาย จนเกิดเป็นตัวอ่อน จากนั้นแพทย์จะนำตัวอ่อนที่ได้ฉีดกลับเข้าร่างกายของผู้หญิงเพื่อตั้งครรภ์
ทำไมถึงต้องฝากไข่
สำหรับผู้หญิงที่วางแผนอยากมีลูกอยู่แล้วในอนาคต แต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้ตั้งครรภ์ ผู้หญิงหลายคนจึงหันมาใช้เทคโนโลยีช่วยในการฝากไข่ เพื่อไม่ให้ไข่เสื่อมสภาพไปตามร่างกาย เพราะเมื่อผู้หญิงก้าวข้ามอายุ 40 ปีขึ้นไป อาจจะเสี่ยงต่อสภาวะรังไข่หยุดทำงาน หรือรังไข่ทำงานได้ช้าลง
นอกจากนี้ผู้หญิงวัย 40 ปีขึ้นไปอาจจะเจอกับสภาวะ Menopause ซึ่งภาษาไทยเรียกว่า วัยประจำเดือนหมด ดังนั้นการฝากไข่ถือว่าเป็นอีกทางเลือกที่ดี เพราะแม้ว่าคุณจะอายุมากขึ้น แต่ไข่ที่คุณฝากไว้ตอนสาว ๆ จะยังคงสมบูรณ์เหมือนกับตอนที่คุณเข้ากระบวนการเก็บไข่
สำหรับเหตุผลว่า ทำไมถึงต้องฝากไข่? เนื่องจากเกี่ยวข้องกับโรคที่มีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ในอนาคต เช่น มีภาวะรังไข่เสื่อมสภาพก่อนวัย ต้องเข้าผ่าตัดรังไข่เพื่อรักษาโรค มีก้อนซีสที่มดลูกหรือรังไข่ เป็นมะเร็งรังไข่ หรือการฉายแสและการทำเคมีบำบัด เป็นต้น ทำให้ผู้หญิงต้องตัดสินใจเก็บไข่ไว้ เพื่อความหวังกับการมีบุตรในอนาคต
การเตรียมตัวก่อนฝากไข่
การที่ผู้หญิงจะฝากไข่ได้ ต้องเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจร่างกายและวางแผนกระบวนการฝากไข่ จากนั้นแพทย์จะแนะนำวิธีการปฏิบัติตัว ดังนั้นเราจึงจะมาแชร์การเตรียมตัวก่อนฝากไข่ว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง เพื่อเป็นแนวทางให้กับสาว ๆ ในอนาคต
- พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเข้ารับการตรวจสุขภาพร่างกาย รังไข่ และตรวจคัดกรองโรค
- รับประทานวิตามินอาหารเสริมตามที่แพทย์สั่ง เช่น Pregnable F Begin, Astaxanthin, Vitamin D, Methyl Folate และ CO-Q10 เป็นต้น
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่มีโปรตีนสูง ลดการทานน้ำตาลและแป้ง
- รับประทานอาหารตรงเวลา หรือรับประทานมื้อสุดท้ายก่อน 6 โมงเย็น
- พักผ่อนให้เพียงพอ และพยามไม่เครียด
- เดินรับแสงแดดยามเช้า
ขั้นตอนการฝากไข่
หลาย ๆ คนคงอยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่า ขั้นตอนการฝากไข่หลัก ๆ มีกี่ขั้นตอน แล้วในแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียดอะไรบ้าง ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลการฝากไข่มาให้แล้วอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่การกระตุ้นไข่ไปจนถึงขั้นการแช่แข็งไข่ ดังนี้

1. ตรวจร่างกาย
แพทย์จะสอบถามข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคประจำตัว การแพ้ยา น้ำหนัก ส่วนสูง รอบประจำเดือน และวัดความดันโลหิต ขั้นต่อมาแพทย์จะตรวจคัดกรองโรคที่สามารถส่งต่อจากแม่สู่ลูกได้ เช่น โรคไวรัสตับอักเสบชนิด B ชนิด C และ โรค HIV เป็นต้น จากนั้นแพทย์จะทำการตรวจเช็กคุณภาพไข่ด้วยวิธีการเจาะเลือดเช็คค่าฮอร์โมนและอัลตราซาวด์
2. การกระตุ้นรังไข่ (Ovarian Stimulation Part)
แพทย์จะทำการฉีดยากระตุ้นฮอร์โมนให้กับคุณผู้หญิง เพื่อเพิ่มปริมาณไข่ กระตุ้นให้ไข่โตเท่ากันทุกฟอง และเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับไข่ ด้วยตัวยา Pergoveris, Follitrope, Gonal F และ Puregon ซึ่งปริมาณยาที่ใช้กระตุ้นไข่ จะขึ้นอยู่กับร่างกายของคนนั้น ๆ เช่น อายุและระดับฮอร์โมน
ส่วนตัวยาอีกตัวหนึ่งที่แพทย์จะใช้ควบคู่กันคือ Orgalutran ใช้เพื่อป้องการไข่ตกก่อนวันที่ไข่โตสมบูรณ์และก่อนวันเก็บไข่ ขั้นตอนนี้จะใช้เวลา 3 – 5 วัน ซึ่งแพทย์จะคอยตรวจเช็กค่าฮอร์โมนทำการอัลตราซาวด์เพื่อเช็กไข่ เมื่อได้ไข่ใบที่สมบูรณ์แล้ว แพทย์จะทำการฉีดยากระตุ้นการตกไข่ทันที
3. การเก็บไข่ (Egg Retrieval)
หลังจากฉีดยากระตุ้นให้ไข่ตกผ่านไปแล้ว 36 ชั่วโมง แพทย์จะทำการเก็บไข่ด้วยวิธีการใช้เข็มเจาะที่รังไข่ และดูดไข่ออกมาซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที แต่ก่อนเริ่มกระบวนการเก็บไข่จะต้องมีการเตรียมตัว ดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- พยายามไม่เครียด
- ก่อนเก็บไข่ ต้องงดน้ำและอาหาร 6 – 8 ชั่วโมง
- ห้ามแต่งหน้า ห้ามทาสีเล็บ และห้ามใส่เครื่องประดับทุกประเภท
4. แช่แข็งไข่ Oocyte freezing
เมื่อแพทย์เจาะไข่ออกมาเรียบร้อยแล้ว จะนำหลอดที่บรรจุเซลล์ไข่เข้าแช่แข็งที่อุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส เซลล์ไข่จะถูกแช่แข็งอยู่แบบนั้นจนกว่าจะมีการทำเรื่องเบิกเซลล์ไข่เพื่อนำมาผสมกับเชื้ออสุจิ
ข้อดีของการฝากไข่
ข้อดีของการฝากไข่คือ เซลล์ไข่สามารถเก็บไว้ได้นานถึง 10 ปี หากคุณผู้หญิงวางแผนที่จะมีบุตรตอนอายุมากกว่า 35 ปี วิธีนี้จะช่วยลดโอกาสการเกิดความผิดปกติของโครโมโซมและป้องกันการเกิดดาวน์ซินโดรมต่อเด็กได้ และการฝากไข่สามารถช่วยเพิ่มโอกาสการมีลูกให้กับผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับรังไข่ได้อีกด้วย

ข้อจำกัดการฝากไข่
เราทราบถึงข้อดีของการฝากไข่กันไปแล้ว เพราะฉะนั้นหัวข้อนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องข้อจำกัดการฝากไข่ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงหลายคน จะมีอะไรบ้างไปดูกัน
- เรื่องค่าใช้จ่าย การฝากไข่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายทุกขั้นตอนตั้งแต่ตรวจเช็กร่างกาย ไปจนถึงขั้นตอนการแช่แข็งเซลล์ไข่ และถ้าหากต้องการนำไข่ออกมาปฏิสนธิกับเชื้ออสุจิเพื่อการตั้งครรภ์ จะมีค่าใช้จ่ายในการทำเด็กหลอดแก้วเพิ่มด้วย
- ผลข้างเคียงทางด้านร่างกาย เช่น คลื่นไส้ ท้องอืด แน่นท้อง ปวดหน่วงที่ท้อง และในบางรายอาจมีเลือดออกในช่องคลอดร่วมด้วย
แนวทางการปฏิบัติตัวหลังฝากไข่
เมื่อคุณผู้หญิงเข้าสู่กระบวนการฝากไข่เสร็จสิ้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการกลับมาดูแลและฟื้นฟูร่างกายตัวเอง เนื่องจากขั้นตอนการเจาะรังไข่ จะทำให้ผู้หญิงมีแผลภายในช่องคลอด ดังนั้นแนวทางการปฏิบัติตัวหลังฝากไข่ ได้แก่
อาการที่มักพบหลังฝากไข่
- หลังจากเจาะไข่คนไข้จะมีอาการ เจ็บ ปวด หน่วง และอ่อนเพลียร่วมด้วย ดังนั้นควรให้คนไข้พักผ่อนเยอะ ๆ และไม่ควรปล่อยให้คนไข้ขับรถกลับบ้านเอง และงดออกกำลังกาย รวมถึงงดมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- ขั้นตอนการเก็บไข่ คนไข้จะถูกกระตุ้นด้วยฮอร์โมน ในบางครั้งอารมณ์คนไข้อาจจะสวิง ดังนั้นควรทำใจให้สบาย พยามไม่เครียด
- หลังจากฝากไข่ คนไข้บางรายอาจจะมีไข้ขึ้นสูง ตัวร้อน ปวดหัว และอาเจียน ควรให้คนไข้ทานยาลดไข้และพักผ่อนเยอะ ๆ แต่ถ้าหากคนไข้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดเยอะผิดปกติ แนะนำให้รีบพบแพทย์โดยด่วน
ฝากไข่ ราคาเท่าไหร่
ค่าใช้จ่ายในการฝากไข่จะขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของแต่ละคน ตัวยาที่ใช้ในการกระตุ้นไข่ และขึ้นอยู่กับคลินิกหรือโรงพยาบาลที่เลือกฝากไข่ แต่ราคามาตรฐานการฝากไข่โดยส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลเอกชนจะอยู่ที่ราคา 180,000 – 250,000 บาท แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สำหับผู้ที่สนใจกระบวนการฝากไข่ สามารถเข้าไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวจากโรงพยาบาลที่คุณไว้วางใจเพื่อปรึกษารายละเอียดการรักษาก่อนได้
การฝากไข่คืออีกทางเลือกหนึ่งที่ดีสำหรับผู้ที่ยังไม่อยากรีบมีบุตร เนื่องจากการฝากไข่คือการหยุดอายุของเซลล์ไข่เอาไว้ไม่ให้เสื่อมสภาพไปตามการเวลา และเมื่อนำเซลล์ไข่มาละลายเพื่อเข้าสู่กระบวนการตั้งครรภ์ เด็กที่เกิดมาจากการฝากไข่ ไม่พบความผิดปกติใด ๆ สุขภาพร่างกายแข็งแรงปกติเหมือนเด็กที่เกิดมาจากวิธีธรรมชาติทั่วไป
ข้อสรุป
การฝากไข่คืออีกทางเลือกหนึ่งที่ดีสำหรับผู้ที่ยังไม่อยากรีบมีบุตร เนื่องจากการฝากไข่คือการหยุดอายุของเซลล์ไข่เอาไว้ไม่ให้เสื่อมสภาพไปตามการเวลา และเมื่อนำเซลล์ไข่มาละลายเพื่อเข้าสู่กระบวนการตั้งครรภ์ เด็กที่เกิดมาจากการฝากไข่ ไม่พบความผิดปกติใด ๆ สุขภาพร่างกายแข็งแรงปกติเหมือนเด็กที่เกิดมาจากวิธีธรรมชาติทั่วไป