ปูพื้นบ้านใหม่ให้ปัง ด้วยการเลือกช่างและวัสดุดีมีคุณภาพ
หากบ้านที่อยู่อาศัยของคุณกำลังประสบปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับพื้นบ้าน ทั้งกระเบื้องปริร้าว หลุดร่อน หรือระเบิด พื้นมีการทรุดตัว ฯลฯ ซึ่งปัญหาเหล่านั้นอาจมีสาเหตุมาจากคุณภาพของวัสดุปูพื้นที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฝีมือการติดตั้งของช่างที่ไม่มีความชำนาญ เพราะฉะนั้น เราจึงควรให้ความสำคัญกับองค์ประกอบของการปูพื้นบ้านใหม่ ทั้งการเลือกใช้วัสดุปูพื้น ว่ามีกี่แบบ แต่ละแบบมีจุดเด่นและคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไร รวมถึงการหาช่างปูกระเบื้องมืออาชีพควรพิจารณาจากอะไรบ้าง
การปูพื้นบ้านใหม่ สำคัญอย่างไร
การปูพื้นบ้านใหม่ นอกจากจะช่วยเสริมความสวยงามให้แก่ตัวบ้านแล้ว ยังมีความสำคัญเนื่องจากพื้นบ้านเป็นส่วนที่เราต้องใช้เดินผ่านไปมาตลอดทั้งวัน หากวันดีคืนดีเราเดินอยู่ในบ้านเฉยๆ แต่พื้นกระเบื้องเกิดแตกขึ้นมา หรือพื้นเริ่มมีการทรุดตัวหลังจากอาศัยอยู่ไปสักพัก ให้สงสัยได้เลยว่าปัญหาเหล่านั้นอาจมาจากการเลือกใช้วัสดุปูพื้นที่ไม่ได้มาตรฐานหรือการติดตั้งที่ไม่มีคุณภาพ
การเลือกและติดตั้งวัสดุปูพื้นภายในนั้น ควรคำนึงถึงความเหมาะสมกับรูปแบบของพื้นที่และสภาพแวดล้อมในห้องที่จะติดตั้ง ซึ่งหากมีการใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่มีคุณภาพ อาจส่งผลในระยะยาว ทำให้เกิดปัญหาต้องตามแก้ไขและซ่อมแซม ซึ่งจะทำให้คุณเสียทั้งเงินทั้งเวลาโดยใช่เหตุ
วัสดุปูพื้น มีกี่แบบ
สำหรับการปูพื้นหรือการหาแบบพื้นบ้านใหม่ ใครที่กำลังมองหาว่าจะปูพื้นบ้านด้วยอะไรดี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกวัสดุปูพื้นบ้าน ที่มีหลากหลายแบบให้เลือกใช้ ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลวัสดุปูพื้นแต่ละประเภทที่น่าสนใจมาแล้วว่าแบบไหนมีคุณสมบัติและข้อจำกัดอย่างไร เพื่อให้คุณนำไปพิจารณาประกอบการเลือกใช้วัสดุปูพื้นบ้านให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการของคุณ
1. ปูพื้นด้วยไม้จริง
วัสดุพื้นไม้จริงส่วนใหญ่มักผลิตจากไม้เนื้อแข็งต่างๆ เช่น ไม้สัก ไม้โอ๊ก ไม้มะค่า ไม้แดง ไม้เต็ง ไม้ประดู่ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยเพิ่มเอกลักษณ์ให้พื้นบ้านของคุณด้วยลวดลายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มอบสัมผัสที่ดีเย็นสบายเท้า อีกทั้งยังมีจุดเด่นเรื่องความแข็งแรงทนทาน ให้ทั้งความสวยงามพร้อมความรู้สึกอบอุ่นแก่บ้านของคุณ ทว่าพื้นไม้จริงอาจมีข้อจำกัดบ้างในเรื่องการใช้งบประมาณที่ค่อนข้างสูง การยืดหดของไม้ตามสภาพอากาศ รวมถึงปัญหาเรื่องปลวกและแมลง
2. ปูพื้นด้วยไม้ลามิเนต
พื้นไม้ลามิเนตคือวัสดุปูพื้นที่มีลวดลายคล้ายไม้จริง ถูกผลิตขึ้นจากการนำผงไม้และเศษไม้เนื้อแข็งมาผสมกับสารสังเคราะห์ต่างๆ และนำไปบีบอัดจนเป็นแผ่นไม้ โดยจุดเด่นของไม้ลามิเนตคือมีสีสันสวยงาม ไม่ซีดจางง่าย น้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน ติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว อีกทั้งยังมีราคาถูกกว่าไม้จริงอีกด้วย ทว่าไม้ลามิเนตจะมีข้อจำกัดในเรื่องการใช้งาน ที่สามารถติดตั้งได้เฉพาะวัสดุปูพื้นภายในอาคารเท่านั้น อีกทั้งยังอาจเป็นรอยง่าย และต้องระวังเรื่องปลวกและความชื้น
3. ปูพื้นด้วยไม้เอ็นจิเนียร์
ไม้เอ็นจิเนียร์เป็นวัสดุปูพื้นบ้านที่มีรูปทรง ลักษณะ และการใช้งานเหมือนกับไม้จริงมากที่สุด โดยมีวิธีผลิตจากการนำผิวหน้าจากไม้จริง มาประกบกับไม้ชนิดอื่นๆ และอัดน้ำยากันปลวกไว้ภายใน จึงทำให้ได้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีลวดลายที่สวยงามเป็นธรรมชาติ หมดปัญหาเรื่องปลวกและแมลง แถมราคายังถูกกว่าพื้นไม้จริงอีกด้วย ทว่ามีข้อจำกัดคือมีราคาสูงกว่าวัสดุปูพื้นแบบอื่นๆ รวมถึงไม่สามารถทนน้ำและความชื้น
4. ปูพื้นด้วยหินอ่อนและหินแกรนิต
พื้นหินอ่อนและหินแกรนิตเป็นวัสดุธรรมชาติที่มีลวดลายสวยงาม ช่วยเสริมบรรยากาศที่หรูหรามีระดับให้แก่บ้านของคุณ โดยจุดเด่นของหินอ่อนและหินแกรนิตคือความแข็งแรงทนทาน ช่วยถ่ายเทอากาศทำให้บ้านเย็นสบาย ทำความสะอาดง่าย อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานยาวนาน แต่จะมีข้อจำกัดในเรื่องของน้ำหนักและราคาที่สูงกว่าวัสดุประเภทอื่นๆ เป็นอย่างมาก ไม่ทนต่อแดดและความชื้น เนื่องจากมีโอกาสเกิดรอยด่าง หรือสีอาจซีดลงได้
5. ปูพื้นด้วยไม้พลาสติกคอมโพสิต
ไม้พลาสติกคอมโพสิต หรือ WPC เป็นวัสดุปูพื้นที่มีส่วนผสมของทั้งไม้จริงและพลาสติก ผลิตโดยการนำเม็ดพลาสติกมาผสมกับไม้และขึ้นรูปด้วยวิธีต่างๆ เช่น อัด-ฉีดขึ้นรูป หรือใช้เครื่องกดความร้อนขึ้นรูป โดยแผ่นปูพื้นที่ได้จะมีลักษณะเหมือนแผ่นไม้ จุดเด่นของ WPC คือความแข็งแรงทนทาน ทนแดด ทนฝน ทนความชื้น ไม่มีปัญหาเรื่องปลวกและแมลง สามารถนำไปรีไซเคิลได้ อีกทั้งยังมีราคาไม่แพง ส่วนใหญ่จึงถูกนำไปใช้กับงานปูพื้นภายนอก แต่ WPC จะมีข้อจำกัดในเรื่องของการดูแลรักษายาก
6. ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิก
กระเบื้องเซรามิกเป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยกระเบื้องปูพื้นจะมีให้เลือกใช้หลากหลายลวดลายและสีสัน เช่น กระเบื้องลายไม้ ลายหินอ่อน สีพื้นทั่วไป ฯลฯ อีกทั้งยังมีหลายประเภท หลายชนิดทั้งชนิดเคลือบมันและชนิดไม่เคลือบมัน หาซื้อง่ายได้ตามร้านขายวัสดุก่อสร้างทั่วไป แถมยังมีราคากระเบื้องปูพื้นให้เลือกหลายเกรดตามความต้องการ จุดเด่นของกระเบื้องเซรามิกคือมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทนความร้อน ไม่ลามไฟ ทนความชื้น สามารถปูพื้นได้ทั้งงานภายในและภายนอกอาคาร หรือปูกระเบื้องหน้าบ้าน แต่จะมีข้อจำกัดตรงที่หากติดตั้งด้วยวิธีที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้พื้นกระเบื้องโก่งตัว หลุดล่อน หรือระเบิดได้
7. ปูพื้นด้วยกระเบื้องยาง หรือไวนิล
กระเบื้องยางเป็นวัสดุปูพื้นที่ทำจากวัสดุธรรมชาติคือยางพารา และวัสดุสังเคราะห์อย่างโพลีเมอร์ เช่น ไวนิล พีวีซี ฯลฯ ซึ่งมีลวดลายให้เลือกหลายแบบ เช่น ลายหินอ่อน ลายไม้ จุดเด่นของกระเบื้องยางคือราคาถูก หาซื้อง่าย ดูแลรักษาง่าย ไม่มีปัญหาปลวกและแมลง มีอายุการใช้งานนาน อีกทั้งยังสามารถรองรับน้ำหนักและแรงกระแทกได้ดี แต่จะมีข้อจำกัดคืออาจมีการยืดหดตามสภาพอากาศ รวมถึงไม่ทนต่อกรด ด่าง และสารเคมีบางประเภท
8. ปูพื้นด้วยพรม
พื้นพรมเป็นวัสดุแผ่นปูพื้นในบ้านที่ให้ความรู้สึกนุ่มสบายและช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้แก่บ้าน โดยพื้นพรมจะมีให้เลือกหลายชนิด เช่น พรมขนสัตว์ พรมไนล่อน พรมโพลีเอสเตอร์ พรมโพลีเอทิลีน ฯลฯ ซึ่งสามารถเลือกการใช้งานได้ทั้งปูพื้นพรมทั้งห้อง หรือปูพื้นเพื่อตกแต่งเฉพาะบางพื้นที่ จุดเด่นของพื้นพรมคือสามารถช่วยดูดซับเสียง ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี อีกทั้งยังมีความสวยงาม มีหลายสีหลายชนิดให้เลือกใช้ แต่ข้อจำกัดของพื้นพรมคือเก็บฝุ่น ทำความสะอาดยาก และเมื่อใช้ไปนานๆ อาจเกิดกลิ่นอับได้
ปูพื้นโดยช่างมืออาชีพ ดีกว่าอย่างไร
ถึงแม้คุณจะคิดว่าการคัดเลือกวัสดุปูพื้นบ้านที่ดีก็คงเพียงพอแล้ว แต่อย่าลืมการดำเนินงานหลังจากนั้น ซึ่งก็คือขั้นตอนการติดตั้งที่เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน หากคุณเห็นว่ามีหลากหลายวัสดุที่ดูติดตั้งได้ง่าย ไม่ยากจนเกินไป แล้วลองติดตั้งด้วยตัวเอง คุณอาจเสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน และสิ้นเปลืองวัสดุไปโดยใช่เหตุ
หรือถ้าหากคุณเลือกใช้บริการช่างปูพื้นที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพ อาจส่งผลเสียกับบ้านของคุณในระยะยาว เช่น แค่เดินเฉยๆ พื้นกระเบื้องก็ดันแตกขึ้นมา หรือพื้นเริ่มมีการทรุดตัว โดยปัญหาเหล่านี้อาจมีสาเหตุมาจากขั้นตอนการติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐานก็เป็นได้ ซึ่งอาจทำให้คุณต้องเสียทั้งอารมณ์ เสียทั้งเวลา และเสียเงินค่าซ่อมแซมอีกหลายเท่าตัวอีกต่างหาก
ดังนั้น คุณจะเห็นได้ว่างานปูพื้นนั้นเป็นงานที่มีความละเอียด ต้องอาศัยทั้งความชำนาญและประสบการณ์เป็นอย่างมาก ซึ่งการมองหาช่างปูพื้นมืออาชีพนั้น อาจพิจารณาได้จาก
- ลองอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงเพื่อประกอบการตัดสินใจ
- ตรวจสอบบริการของทีมช่าง โดยทีมช่างจะต้องมีบริการติดตั้งปูพื้นแบบเรียบร้อยสมบูรณ์ ไม่ทิ้งงานและโยนภาระให้เจ้าของบ้านต้องหาช่างมาทำต่อ
- พิจารณาจากค่าบริการ ค่าบริการนั้นต้องมีความสมเหตุสมผล มีการแจกแจงรายละเอียดต่างๆ พร้อมแจ้งค่าบริการที่ต้องชำระอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ทีมช่างที่มีประสบการณ์จะมีบริการให้คำปรึกษา สามารถสอบถามข้อมูลต่างๆ รวมถึงมีการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและเลือกแบบวัสดุปูพื้นที่เหมาะสมกับบ้านของคุณก่อน หลังจากนั้นจะลงมือปูพื้นให้คุณแบบครบทุกขั้นตอน โดยที่งานจะต้องได้คุณภาพตามมาตรฐานสากลและมีความปลอดภัย
สรุป
สุดท้ายนี้ คุณคงเห็นแล้วว่าเราควรให้ความสำคัญกับองค์ประกอบของการปูพื้นบ้านใหม่ ทั้งการเลือกใช้วัสดุปูพื้นที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับพื้นที่ รวมถึงการใช้บริการติดตั้งและปูพื้นโดยทีมช่างที่มีความเป็นมืออาชีพ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากวนใจ เสียทั้งเงินและเวลาในการซ่อมแซมในภายหลัง