นอนกรนเกิดจากสาเหตุใด? พร้อมวิธีการแก้นอนกรนแบบได้ผลจริง

นอนกรน

การนอนกรนเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย และอาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ในสายตาหลายคน แต่ในความเป็นจริง การนอนกรนอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ทั้งต่อผู้ที่นอนกรนเองและคนรอบข้าง อีกทั้งยังอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ การทำความเข้าใจสาเหตุและวิธีแก้นอนกรนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การพักผ่อนเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ สร้างสุขภาพที่ดีในระยะยาว และป้องกันไม่ให้การนอนกรนส่งผลอันตรายต่อร่างกายในอนาคต



การนอนกรนเกิดจากอะไร?

การนอนกรนเป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นเมื่อมีการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในระบบทางเดินหายใจระหว่างการนอนหลับ เสียงกรนเกิดจากการที่อากาศไหลผ่านช่องทางเดินหายใจที่แคบลง ซึ่งอาจมีสาเหตุของการนอนกรนมาจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับทั้งสุขภาพและลักษณะทางกายภาพ ดังนี้

  • อายุ : เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อในลำคอจะหย่อนลง ทำให้โอกาสเกิดอาการนอนกรนเพิ่มขึ้น
  • น้ำหนักตัวเกินหรือโรคอ้วน : เนื้อเยื่อส่วนเกินในลำคอและช่องทางเดินหายใจแคบลง ส่งผลให้เกิดการสั่นสะเทือนและเสียงกรน
  • โครงสร้างของช่องทางเดินหายใจ : เช่น เพดานอ่อนที่หย่อนคล้อย ลิ้นไก่ยาว หรือช่องจมูกแคบ อาจทำให้ทางเดินหายใจถูกปิดกั้นบางส่วน
  • โรคประจำตัว : โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea) เป็นภาวะที่สัมพันธ์กับการนอนกรนอย่างรุนแรง
  • การดื่มแอลกอฮอล์และการใช้ยาบางชนิด : ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายเกินไปและเพิ่มความเสี่ยงต่อการนอนกรน
  • การสูบบุหรี่ : ทำให้เกิดการระคายเคืองและบวมในระบบทางเดินหายใจ ทำให้ผู้นอนกรนบางคนรู้สึกเจ็บคอระหว่างวันได้
  • ปัญหาทางจมูกของ : คนนอนกรนบางคนมีปัญหาทางโพรงจมูก เช่น ภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ หรือผนังกั้นช่องจมูกคด ทำให้สัญญาณเตือนของโรคนอนกรนมาในรูปแบบเสียงกรน

นอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต!

นอนกรน เสียงดังมาก

การนอนกรนไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเสียงดังหรือความรำคาญต่อคนรอบข้างเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาสุขภาพที่อาจรุนแรงกว่าที่คิด โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับโรคหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) ซึ่งเกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจชั่วคราวในระหว่างนอนหลับ ทำให้ออกซิเจนในเลือดลดลงและหัวใจต้องทำงานหนักขึ้น 

หากไม่ได้รับการรักษาอาการนอนกรน อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง หรือแม้แต่ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้ นอกจากนี้ การขาดออกซิเจนเรื้อรังยังส่งผลต่อสมอง ทำให้สมาธิลดลงและเสี่ยงต่ออุบัติเหตุในชีวิตประจำวัน การดูแลและแก้การนอนกรนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม


วิธีแก้และรักษาโรคนอนกรนอย่างถูกต้อง

การนอนกรนอาจดูเป็นปัญหาทั่วไป แต่สามารถจัดการได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ โดยวิธีแก้ปัญหานอนกรนมีดังนี้

ใช้ที่ครอบฟัน

ที่ครอบฟันสำหรับการแก้นอนกรน (Mandibular Advancement Device) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยปรับตำแหน่งกรามและลิ้นให้ไม่ปิดกั้นทางเดินหายใจ ทำให้อากาศไหลผ่านได้สะดวกขึ้น วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการกรนเล็กน้อยถึงปานกลาง และไม่สะดวกใช้เครื่องมือขนาดใหญ่

ใช้เครื่องอัดอากาศ CPAP

เครื่อง CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) เป็นอุปกรณ์ที่ส่งแรงดันอากาศผ่านหน้ากาก เพื่อเปิดทางเดินหายใจให้โล่งตลอดการนอนหลับ วิธีลดนอนกรนนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับปานกลางถึงรุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะออกซิเจนต่ำระหว่างหลับ

ผ่าตัด

การผ่าตัดแก้ไขการกรน เช่น การผ่าตัดเพดานอ่อน การลดขนาดเนื้อเยื่อ หรือการแก้ไขผนังกั้นช่องจมูก เป็นวิธีแก้อาการกรนที่มุ่งปรับปรุงโครงสร้างทางเดินหายใจให้โล่งถาวร เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างกายภาพผิดปกติ หรือเมื่อการรักษาแบบอื่นไม่ได้ผล

แก้ไขด้วยตัวเอง

  • นอนตะแคงแทนการนอนหงาย เพื่อลดการอุดกั้นของทางเดินหายใจ
  • การลดน้ำหนักจะช่วยลดแรงกดดันในลำคอและช่องทางเดินหายใจ
  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ก่อนนอน เพราะแอลกอฮอล์ทำให้กล้ามเนื้อในลำคอผ่อนคลายเกินไป
  • สูบบุหรี่น้อยลงจะช่วยลดความเสี่ยงของการอักเสบของเนื้อเยื่อในระบบทางเดินหายใจ
  • ปรับสภาพแวดล้อมในห้องนอน เช่น ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศหากอากาศแห้งเกินไป จะช่วยลดอาการแก้อาการนอนกรนด้วยตัวเองได้
  • ปรับตารางการนอนให้สม่ำเสมอ จะช่วยลดความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ
  • ออกกำลังกายกล้ามเนื้อคอและลิ้น เช่น การเปล่งเสียงหรือทำโยคะสำหรับทางเดินหายใจจะช่วยแก้ปัญหานอนกรนได้ในอนาคต

ปัญหานอนกรน ภัยร้ายใกล้ตัวกว่าที่คิด!

ปัญหานอนกรนเป็นภัยเงียบที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งการหยุดหายใจขณะหลับที่ทำให้ออกซิเจนในเลือดลดลงอย่างเฉียบพลัน ส่งผลต่อหัวใจและสมองโดยตรง และอาจยังอาจนำไปสู่ภาวะอันตราย เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมอง หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวหรืออันตรายถึงชีวิตได้ การตระหนักถึงความเสี่ยงและหาวิธีรักษาอาการนอนกรนที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคต