ทำประกันชั้น 2+ ประกันที่ใช่ คุ้มครองรถยนต์อย่างครอบคลุม

ประกันชั้น 2+

อุบัติเหตุบนท้องถนนภัยที่คาดไม่ถึง! แม้ขับขี่ปลอดภัยแค่ไหน เหตุไม่คาดฝันก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ “ประกันภัยรถยนต์” เป็นเหมือนเกราะคุ้มภัยที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ใช้รถ แต่ไม่ใช่ทุกคนต้องเลือกประกันชั้น 1 ที่มีค่าเบี้ยสูงลิ่ว เพราะมี ประกันชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับชั้น 1 ในราคาเบากว่า เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่อยากอุ่นใจแบบไม่ต้องจ่ายแพง! มาดูกันว่าทำไมประกันรถยนต์ 2+ ถึงเป็นตัวเลือกไม่ควรมองข้าม!

บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ ประกันชั้น 2+ แบบละเอียด ครอบคลุมทุกเรื่องที่ควรรู้ ไม่ว่าจะเป็นประกัน 2+ คืออะไร เหมาะกับใคร ประกันชั้น 2+ ราคาเท่าไหร่? ประกันรถยนต์ 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง และควรเลือกทำประกัน 2+ ที่ไหนดี หากกำลังมองหาความอุ่นใจบนท้องถนน โดยไม่ต้องจ่ายแพงเท่าชั้น 1 บทความนี้มีคำตอบให้ครบ!



ทำไมประกันชั้น 2+ ถึงกลายเป็นตัวเลือกยอดฮิตของคนใช้รถ?

ประกันชั้น 2+ ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีจุดเด่นที่ผสมผสานความคุ้มครองครอบคลุมในระดับหนึ่ง กับราคาเบี้ยประกันที่สมเหตุสมผล ทำให้เป็นตัวเลือกน่าสนใจสำหรับผู้ขับขี่หลายกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีจุดเด่นที่สำคัญดังนี้

1. คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์

  • จุดเด่น: ประกันชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 ในหลายกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์คันเอาประกันภัยจากอุบัติเหตุมีคู่กรณีเป็นยานพาหนะทางบก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเคลมประกันส่วนใหญ่
  • ความคุ้มค่า: เมื่อเทียบกับประกันชั้น 1 คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ในทุกกรณี (แม้ไม่มีคู่กรณี เช่น ชนกำแพง ต้นไม้ หรือรถหาย ไฟไหม้) ประกันรถยนต์ 2+ มีเบี้ยประกันถูกกว่า ทำให้ผู้ขับขี่ที่ต้องการความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ตัวเอง แต่มีงบประมาณจำกัด สามารถเข้าถึงความคุ้มครองที่ใกล้เคียงได้ในราคาประกัน 2+ ที่สมเหตุสมผล

2. เบี้ยประกันที่สมเหตุสมผลและเข้าถึงง่าย:

  • จุดเด่น: เมื่อเทียบกับประกันชั้น 1 ให้ความคุ้มครองครอบคลุมในทุกกรณี ประกันชั้น 2+ มีราคาเบี้ยประกันถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัดโดยให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมกับความเสี่ยงเช่นกัน
  • ความคุ้มค่า: สำหรับผู้ขับขี่ที่มีงบประมาณจำกัด แต่ยังต้องการความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของตนเองในกรณีอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี ประกันภัยรถยนต์ 2+ เป็นทางเลือกคุ้มค่าทำให้เข้าถึงความคุ้มครองที่จำเป็นได้ โดยไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันสูงจนเกินไป

ความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 2+ มีอะไรบ้าง?

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ มอบความคุ้มครองครอบคลุมในหลายด้าน โดยเน้นคุ้มครองความเสียหายต่อคู่กรณี และยังเพิ่มความคุ้มครองในส่วนสำคัญอื่นๆ ทำให้เป็นทางเลือกน่าสนใจ ความคุ้มครองของประกันชั้น 2+ ประกอบด้วย:

  • คุ้มครองรถเรา: กรณีชนกับรถยนต์เท่านั้น และต้องมีคู่กรณีชัดเจน
  • คุ้มครองรถคู่กรณี: บริษัทประกันจ่ายค่าซ่อมให้คู่กรณี หากเราเป็นฝ่ายผิด
  • คุ้มครองกรณีรถหาย / ไฟไหม้: รวมอยู่ในแผนประกัน (เงื่อนไขตามที่ระบุในกรมธรรม์)
  • คุ้มครองชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินบุคคลภายนอก: เช่น คู่กรณีหรือคนที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุที่เกิดจากรถเรา
  • คุ้มครองคนในรถ (ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร): เช่น ค่ารักษาพยาบาล / การเสียชีวิต (ตามวงเงินระบุ)

ประกันชั้น 2+ เหมาะกับใครบ้าง? 

ประกันรถยนต์ 2+

หากต้องการประกันรถยนต์ที่คุ้มครองครบแต่ไม่ต้องจ่ายแพงเท่าชั้น 1 “ประกันชั้น 2+” คือตัวเลือกคุ้มค่า ให้ความคุ้มครองทั้งรถตัวเองและรถคู่กรณีในราคาประหยัด แล้วใครบ้างเหมาะกับประกันภัยรถยนต์ 2+? มาดูกันเลย!

ผู้ที่ใช้รถไม่บ่อย หรือมีความชำนาญในการขับขี่

ถ้าเป็นคนขับรถระมัดระวัง ไม่ค่อยชนหรือใช้รถเฉพาะบางโอกาส เช่น ขับไปทำงานระยะสั้น ๆ หรือขับเฉพาะวันหยุด ประกันชั้น 2+ ก็ถือว่าคุ้ม เพราะได้คุ้มครองกรณีชนกับรถยนต์ (คู่กรณีระบุได้) โดยไม่ต้องจ่ายเบี้ยแพงแบบชั้น 1

รถอายุเกิน 5 ปี ที่ไม่คุ้มจะทำประกันชั้น 1 แล้ว

รถเริ่มเก่า ประกันชั้น 1 อาจแพงหรือบริษัทประกันบางแห่งไม่รับทำแล้ว ประกันชั้น 2+ จึงเป็นทางเลือกที่ดี เพราะยังคุ้มครองรถในกรณี “รถชนรถ” แถมเบี้ยประกันยังถูกกว่าชั้น 1 และประกัน 2+ ไม่จำกัดอายุรถ

ผู้ที่ต้องการความคุ้มครอง “รถชนแล้วมีคู่กรณี” แต่ไม่ต้องจ่ายแพง

จุดเด่นของประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ คือคุ้มครอง “รถเรา” ก็ต่อเมื่อชนกับ “รถคันอื่นที่ระบุคู่กรณีได้” เท่านั้น และยังรวมถึงคุ้มครองรถหาย ไฟไหม้ ซึ่งตอบโจทย์คนต้องการความอุ่นใจแบบสมดุล ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ในราคาเข้าถึงได้ง่าย


ถูกรถชนแล้วรถคู่กรณีหลบหนี ประกันชั้น 2+ คุ้มครองไหม?

บางบริษัทอาจมีเงื่อนไขการคุ้มครองกรณีการถูกชนแล้วหนีเมื่อทำประกันชั้น 2+ แต่ต้องแจ้งคู่กรณีให้กับทางบริษัทประกันได้ว่าเป็นใคร หรือมีหลักฐาน เพื่อแจ้งประกันระบุตัวคู่กรณีได้

สิ่งควรทำหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้:

  • แจ้งความกับตำรวจทันที: เพื่อบันทึกเหตุการณ์และเป็นหลักฐาน
  • เก็บรวบรวมหลักฐาน: หากมีกล้องหน้ารถ หรือพยานที่เห็นเหตุการณ์ ให้เก็บข้อมูลนั้นไว้

เปรียบเทียบชัด ๆ ประกันชั้น 1 กับ 2+ เลือกยังไงให้คุ้มสุด?

ถ้ากำลังชั่งใจระหว่าง “ประกันชั้น 1” กับ “ประกันชั้น 2+” ควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับตัวเอง ไม่ต้องกังวล! ทั้งสองแบบมีจุดเด่นต่างกัน ขึ้นอยู่กับงบประมาณและการใช้งานรถ มาดูกันแบบไหนตอบโจทย์มากกว่าในด้านต่าง ๆ ดังนี้

1.ความคุ้มครอง:

  • ประกันชั้น 1: คุ้มครองครบทั้งรถเราและรถคู่กรณี รวมถึงความเสียหายจากอุบัติเหตุทุกกรณี เช่น รถชน รถไฟไหม้ น้ำท่วม รถหาย หรือกรณีคู่กรณีหลบหนี
  • ประกันชั้น 2+: คุ้มครองรถเราในกรณีชนกับยานพาหนะทางบกที่เป็นรถคู่กรณี และคุ้มครองเมื่อรถหาย ถูกไฟไหม้ 

2.ราคา:

  • ประกันชั้น 1: ราคาแพงกว่า เนื่องจากให้ความคุ้มครองครบทุกกรณี
  • ประกันชั้น 2+: ประกัน 2+ ราคาถูกกว่า ประหยัดกว่า เหมาะกับคนที่ต้องการคุ้มครองในบางกรณีแต่ไม่ต้องการจ่ายเบี้ยประกันสูง

3.ความเหมาะสม:

  • ประกันชั้น 1: เหมาะกับคนขับรถบ่อย มีความเสี่ยงสูง หรือต้องการความคุ้มครองเต็มที่
  • ประกันชั้น 2+: เหมาะกับคนขับรถไม่บ่อย หรือใช้รถในพื้นที่ไม่เสี่ยงมาก อยากประหยัดค่าใช้จ่ายแต่ยังคงได้รับความคุ้มครองพอสมควร

สรุป ถ้า “จ่ายแพงหน่อย แต่คุ้มครองทุกอย่าง” คือสิ่งที่ต้องการ เลือกประกันชั้น 1 แต่ถ้า “อยากคุ้มครองหลัก ๆ ตอนชนกับรถอื่น ในราคาสมเหตุสมผล” เลือก ประกันชั้น 2+ 


ประกันชั้น 2+ ทางเลือกสุดคุ้มของคนรักรถยนต์

ประกันชั้น 2+ คือทางเลือกสำหรับผู้ใช้รถที่ต้องการความคุ้มครองแบบไม่ต้องจ่ายแพงเหมือนชั้น 1 แต่อุ่นใจเมื่อเกิดอุบัติเหตุ กรณี “รถชนรถ” มีคู่กรณีชัดเจน และยังครอบคลุมถึงรถหาย ไฟไหม้ รวมถึงความเสียหายต่อชีวิตหรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ประกัน 2+เหมาะกับผู้ขับขี่มีประสบการณ์ ใช้รถไม่บ่อย และประกันรถยนต์ 2+ ราคาประหยัด ไม่ลดระดับความคุ้มครองที่จำเป็นคุ้มเกินราคา สำหรับหลาย ๆ คนในยุคนี้