ฟิลเลอร์ใต้ตา ตัวช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกใต้ตา

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ใต้ตาลึก ใต้ตาดูโทรม มีปัญหาถุงใต้ตา ริ้วรอยใต้ตา และปัญหาอื่นๆ อีกมากมายซึ่งเป็นปัญหาที่สาว ๆ และหนุ่ม ๆ เลี่ยงได้ยาก สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย การมีปัญหาต่าง ๆ ที่ใต้ตานั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าดูหมองคล้ำ เนื่องจากบริเวณตานั้นเป็นจุดเด่นบนในหน้าไม่แพ้กับจมูกและปาก ซึ่งผู้คนที่มีปัญหาเหล่านี้ทำให้หน้าดูหมองคล้ำ ไม่มีความมั่นใจ อาจกระทบต่อการงานได้ ซึ่งปัญหาริ้วรอยใต้ตาต่างๆสามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุดด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา โดยเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บตัว เห็นผลทันใจ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน

ฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเป็นวิธีที่ทำช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ปัญหาถุงใต้ตาได้อย่างตรงจุด ทว่าการทำหัตถการบริเวณใต้ตานั้นต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากบริเวณดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญสำหรับมนุษย์ จึงควรตัดสินใจก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งแท้จริงแล้วฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร มีข้อดีอย่างไรบ้าง มีผลข้างเคียงหลังจากการทำหรือไม่ ผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาครั้งแรกควรรู้อะไรบ้าง และแนะนำฟิลเลอร์ยี่ห้อต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยม

ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร ทำความเข้าใจก่อนทำ

ฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคือ หัตถการที่ใช้สารเติมเต็มที่ชื่อว่าไฮยาบลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือที่เรียกกันว่า HA บริเวณใต้ดวงตา เพื่อให้สารที่ฉีดเข้าไปนั้นฟื้นฟูบริเวณที่รอบใต้ดวงตา ด้วยคุณสมบัติของสาร HA ที่อุ้มน้ำทำให้บริเวณที่ฉีดนั้นดูอวบอิ่ม สดใส โดยนอกจากบริเวณดวงตาแล้วการฉีดฟิลเลอร์ด้วยสาร HA นั้นยังสามารถฉีดบริเวณอื่นๆของใบหน้าได้ไม่ว่าจะเป็น ฟิลเลอร์หน้าผาก ร่องแก้ม คาง ขมับ และปาก เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ต้องการได้โดยเฉพาะการแก้ปัญหาริ้วรอยที่ทำให้ดูตื้นขึ้น 

สารเติมเต็มไฮยาลูรอนิก แอซิดนั้น เป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ที่ร่างกายสามารถสร้างได้เองตามผิวหนัง และจะค่อยๆหายไปตามวัยและสภาวะที่เจอซึ่งทำให้ผิวบริเวณที่สาร HA นั้นลดการผลิตจะขาดความชุ่มชื้นและจะมีปัญหาเหี่ยวย่น โดยการฉีดฟิลเลอร์นั้นเสมือนเป็นการฉีดสารสังเคราะห์จากธรรมชาติเพื่อไปทดแทนสารที่ร่างกายสูญเสียไปนั่นเอง


ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใครบ้าง

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาต่างๆ ใต้ตาหรือผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาบนใบหน้า ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับบุคคลที่

  • ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น
  • ไม่อยากเจ็บตัว ไม่อยากผ่าตัด ไม่อยากมีแผล มีความปลอดภัย ไม่ต้องการพักฟื้น
  • ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น รอยคล้ำ ริ้วรอย หลุมใต้ตา ร่องลึก หรือถุงใต้ตา ทำให้โดยรวมหน้าตาหมองคล้ำ ไม่สดใส
  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาจากลักษณะทางพันธุกรรม เช่น ภูมิแพ้ เป็นต้น

ฟิลเลอร์ใต้ตา ข้อดี และ ข้อจำกัด มีอะไรบ้าง 

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นมีข้อดีหลากหลาย แต่ทว่ามีข้อจำกัดบางประการ โดยมีข้อดีและข้อจำกัดดังนี้

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ไม่เจ็บตัวมาก ทำให้ไม่ต้องพักฟื้น และมีขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาไม่มากหรือ ไม่มีวันว่างที่ใช้พักฟื้น
  • ฟิลเลอร์ที่ใช้สาร HA นั้นสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้าง หรือทิ้งเป็นก้อน ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
  • หากได้รับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจากผู้เชี่ยวชาญ และ สถานที่ที่มีการรับรองนั้น มั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัย เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ปลอดภัยและได้การรับรองจาก อย.
  • หลังฉีดนั้นจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงภายใน 15-30 นาทีและเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้นใน 1-2 สัปดาห์แก้ปัญหาริ้วรอย หรือ ถุงใต้ตา อย่างเป็นธรรมชาติ
  • หากในกรณีที่ต้องการนำฟิลเลอร์ออกสามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาได้ทำให้กลับไปเป็นเหมือนปกติ

ข้อจำกัดของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นไม่ถาวรซึ่งจะมีผลอย่างประมาณ 2-3 ปีและจึงเริ่มสลายหายไป และจะสลายได้ไวยิ่งขึ้นเมื่อเจอความร้อน
  • ผลข้างเคียงจากการฉีดจะพบบริเวณที่ฉีดเช่น มีรอยช้ำ คัน บวมแดง บางรายอาจมีผลข้างเคียงรุนแรงมากเช่น การติดเชื้อ อาการแพ้ และเนื้อเยื่อถูกทำลาย
  • บางรายที่โรคประจำตัวบางชนิด หรือ มีการแพ้ส่วนผสมของสารฟิลเลอร์ไมเหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์
  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยใช้สารที่มีปริมาณมากเกินไปอาจทำให้ดูไม่สมส่วนไม่ดูเป็นธรรมชาติ อาจจะต้องได้รับการแก้ไข

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี

การฉีดฟิลเลอร์นั้นเป็นวิธีที่ปลอดภัยมากที่สุดวิธีหนึ่งในหัตถการ แต่อาจจะมีผลข้างเคียงได้ตามสภาพร่างกายของผู้ฉีด คุณภาพของสารฟิลเลอร์ และ วิธีการที่เหมาะสม โดยผลข้างเคียงที่พบเจอนั้นมีหลัก ๆ ดังนี้

  • ฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำแต่ใต้ตากลับคล้ำมากกว่าเดิม จากสาเหตุที่เส้นเลือดใต้ผิวหนังนั้นฉีกขาด ทำให้ผิวบริเวณนั้นเป็นรอยฟกช้ำ ออกสีเขียว ๆ ซึ่งจะหายได้ภายใน 1 อาทิตย์
  • อาการบวมบริเวณรอบใต้ตาหรือบริเวณที่ฉีด ซึ่งหากเกิดอาการดังกล่าวนั้น ห้ามนวดหรือกดบริเวณที่มีอาการเพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์นั้นเคลื่อนจากจุดที่ควรจะเติมเต็มได้ โดยหากมีอาการดังกล่าวควรใช้การประคบเย็นรอบ ๆ ด้วยของที่สามารถประคบเย็นได้ โดยอาการจะดีขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์
  • รอยช้ำจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ปรากฏบริเวณรอบดวงตานั้นเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นบ่อย ซึ่งอาการดังกล่าวสามารถหายเองได้ในช่วง 24 ชั่วโมงหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ผลลัพธ์ที่ได้จากฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นอย่างไรบ้าง

ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น บริเวณที่ฉีดนั้นจากหลุมลึกจะตื้นขึ้นจากการถูกเติมเต็มจากสารฟิลเลอร์ บริเวณที่หมองคล้ำนั้นจะดูใสขึ้น ผิวดูอิ่มน้ำ ริ้วรอยจางหายจากผิวที่เต่งตึง ช่วยทำให้บริเวณรอบดวงตานั้นสดใส เป็นผลลัพธ์ให้โดยรวมทั้งใบหน้านั้นดูสดใสและอ่อนวัยขึ้น


ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี แนะนำยี่ห้อไหนบ้าง

หากสนใจต้องการฉีดฟิลเลอร์นั้น มีข้อควรพิจารณาต่างๆ เช่น สถานที่มีใบเปิดกิจการถูกต้อง มีเลขที่ใบอนุญาตที่ตรวจสอบได้ มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือที่มาตรฐานและปลอดภัย และสารฟิลเลอร์ที่ใช้นั้นได้มาตรฐาน อย. และ FDA และสามารถตรวจสอบยี่ห้อที่ใช้ฉีดได้ โดยยี่ห้อที่ได้มาตรฐานมีคุณภาพมีให้แนะนำได้ดังนี้คือ

  1. ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Restylane ฟิลเลอร์จากสวีเดนอยู่ได้นาน 12 – 18 เดือน มีความยืดหยุ่นสูงสามารถปรับรูปทรงได้
  2. ฟืลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Juvederm จากอเมริกาอยู่ได้นานถึง 18 เดือน โดยเหมาะสำหรับผิวบริเวณที่ขยับได้บ่อยๆ 
  3. ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Belotero เหมาะสำหรับการเติมใต้ตาชั้นลึก สามารถเก็บรายละเอียดริ้วรอยได้ดี 
  4. Neuramis ฟิลเลอร์ยี่ห้อที่เป็นที่นิยมและแพร่หลายจากเกาหลี เนื้อโมเลกุลละเอียด กลืนกับผิวได้ดี

ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไหร่บ้าง

ราคาของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นจะแตกต่างกันไปตามยี่ห้อ ปริมาณ และ รุ่นย่อย โดยราคาหลัก ๆ นั้นจะอยู่ที่ 11,000 บาทจนถึง 18,000 บาท ต่อ 1 cc โดยปริมาณที่ฉีดนั้นจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและปัญหาที่ต้องการแก้ไข


สรุป ฟิลเลอร์ใต้ตาดีหรือไม่ ควรระวังอะไรบ้าง

ฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเป็นการฉีดสารฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นถุงใต้ตา หลุมลึก ใต้ตาหมองคล้ำ ริ้วรอยจากวัย ทำให้บริเวณใต้ตากลับมาดูสดใส และที่สำคัญนั้นดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดูแปลกไป เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ไม่เจ็บตัว เพราะไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นเป็นระยะเวลานาน โดยมีผลข้างเคียงไม่มากนัก เช่น รอยช้ำซึ่งสามารถหายได้ภายใน 24 ชั่วโมง หากใครสนใจลองไปติดต่อหรือสอบถามที่คลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน