PMS คืออะไร? รู้ทันอาการเหวี่ยง และปวดท้องก่อนมีประจำเดือน
สาวๆ หลายคนคงคุ้นเคยกับช่วงเวลาแห่งความผันผวนทางอารมณ์ ร่างกายแปรปรวน ที่โผล่มาทักทายทุกเดือนก่อนมีประจำเดือน ใช่แล้วค่ะ เรากำลังพูดถึง PMS หรือ Premenstrual Syndrome เจ้าตัวร้ายที่ทำให้คุณกลายเป็นคนละคน บางครั้งก็อ่อนไหวเหมือนลูกแมวน้อย บางครั้งก็กลายร่างเป็นแม่เสือสาวสุดเหวี่ยง! แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะคุณไม่ได้เผชิญปัญหานี้อยู่คนเดียว
บทความนี้จะพาไปเจาะลึกทุกเรื่องเกี่ยวกับ PMS ตั้งแต่สาเหตุ อาการ รวมไปถึงวิธีรับมือกับ อาการ PMS อย่างเข้าใจ เพื่อให้คุณสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ไปได้อย่างราบรื่น และกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมั่นใจ อ่านต่อแล้วคุณจะเข้าใจว่า PMS ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด!
รู้ทัน PMS มันคืออะไรกันแน่?
PMS หรือ Premenstrual Syndrome คือ กลุ่มอาการที่เกิดขึ้นก่อนมีประจำเดือน โดยทั่วไปแล้ว อาการ PMS จะเริ่มปรากฏขึ้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน และจะหายไปเมื่อประจำเดือนมา หรือภายใน 2-3 วันแรกของรอบเดือน PMS คือ ภาวะที่ส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้เกิดความไม่สบายตัวทั้งทางร่างกายและอารมณ์แปรปรวน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์
premenstrual syndrome คือ ภาวะที่เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ในช่วงก่อนมีประจำเดือน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเหล่านี้ส่งผลต่อสารเคมีในสมอง เช่น เซโรโทนิน ซึ่งมีบทบาทในการควบคุมอารมณ์ ความอยากอาหาร และการนอนหลับ ส่งผลให้เกิดอาการก่อนเมนส์มา
สำรวจอาการทางกายและใจของ PMS
สาวๆ รู้ไหมว่า PMS ไม่ได้มีแค่อารมณ์เหวี่ยงอย่างเดียวนะ! ความจริงแล้วอาการก่อนมีประจำเดือนมีความหลากหลายมาก บางทีก็มาแบบเล็กน้อย บางทีก็มาแบบจัดเต็ม ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ช่วงเวลาประมาณหนึ่งถึงสองสัปดาห์ก่อนประจำเดือนมา ร่างกายเราอาจส่งสัญญาณเตือนเล็กๆ น้อยๆ หรือบางคนอาจจะรู้สึกชัดเจนว่า “ใกล้แล้วสินะ” อาการก่อนเมนส์มา ตกขาวที่เปลี่ยนไปก็เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆ อีกมากมายที่บ่งบอกว่า PMS กำลังมาเยือน มาทำความรู้จักกับอาการเหล่านี้ให้มากขึ้น เพื่อเตรียมรับมือกับช่วงเวลาพิเศษของสาวๆ กันค่ะ!
อาการ PMS แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ
- อาการทางกาย: อาการก่อนเป็นประจําเดือน 1 อาทิตย์ ที่พบได้บ่อย เช่น ปวดท้องน้อย ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก หรือท้องเสีย บางคนอาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดหลัง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หน้าอกคัดตึงและเจ็บ รวมถึงมีสิวขึ้น รู้สึกเหนื่อยล้า และอ่อนเพลียกว่าปกติ
- อาการทางอารมณ์: ช่วงก่อนมีประจำเดือน สาวๆ หลายคนอาจรู้สึกหงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน วิตกกังวล ซ้องไห้ไม่มีสาเหตุ ไม่มีสมาธิ นอนไม่หลับ หรือมีปัญหาเรื่องความจำ รวมถึงความต้องการทางเพศที่เปลี่ยนแปลงไป บางคนอาจรู้สึกเบื่ออาหาร ในขณะที่บางคนกลับอยากอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะของหวาน หรืออาหารที่มีรสเค็ม
อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย หรือรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล หากอาการ PMS รุนแรงมาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม
อาการ PMS มีก่อนประจำเดือนมากี่วัน?
อาการ PMS มักจะปรากฏตัวขึ้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน หรือประมาณ 7-14 วันก่อนมีประจำเดือน ซึ่งช่วงเวลาที่อาการ PMS เริ่มขึ้นนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจเริ่มมีอาการตั้งแต่ 2 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน ในขณะที่บางคนอาจมีอาการเพียงไม่กี่วันก่อนมีประจำเดือน โดยอาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปเมื่อประจำเดือนมา หรือภายใน 2-3 วันแรกของรอบเดือน
อาการที่พบได้บ่อยคือ อาการก่อนเมนส์มากับท้อง เช่น ปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย รวมถึงอาการอื่นๆ เช่น อารมณ์แปรปรวน เหนื่อยล้า และอยากอาหาร อาการก่อนเมนส์มา กี่วันนั้นเป็นสิ่งที่สาวๆ ควรสังเกตและบันทึกไว้ เพื่อที่จะเข้าใจรอบเดือนของตัวเอง และเตรียมรับมือกับอาการ PMS ได้
PMS กับ PMDD ต่างกันยังไง?
หลายคนมักสับสนระหว่าง PMS และ PMDD ว่าเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร? ความจริงแล้วทั้งสองภาวะนี้มีความเกี่ยวข้องกัน แต่มีความแตกต่างกันในด้านความรุนแรงของอาการ PMS หรือ Premenstrual Syndrome คือ กลุ่มอาการที่เกิดขึ้นก่อนมีประจำเดือน ซึ่งมีอาการหลากหลายตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงปานกลาง ส่วน Premenstrual Dysphoric Disorder หรือ pmdd คือ ภาวะที่รุนแรงกว่า PMS ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน การทำงาน และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอย่างชัดเจน
หากเปรียบเทียบ PMS เหมือนกับสายฝนโปรยปราย PMDD ก็เปรียบเสมือนพายุฝนฟ้าคะนอง อาการทางกายของ PMS และ PMDD อาจคล้ายกัน เช่น ปวดท้อง ปวดหัว หน้าอกคัดตึง แต่ความแตกต่างที่สำคัญคือ PMDD จะมีอาการทางอารมณ์ที่รุนแรงมาก เช่น วิตกกังวลอย่างรุนแรง หงุดหงิด โกรธ ซึมเศร้า สิ้นหวัง จนถึงขั้นมีความคิดทำร้ายตัวเอง หากคุณสงสัยว่าตัวเองอาจมีอาการของ PMDD ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องโดยเร็วค่ะ
เข้าใจและรับมือกับ PMS เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
PMS หรือ Premenstrual Syndrome เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงส่วนใหญ่ อาการเมนส์จะมา นั้นมีความหลากหลาย ตั้งแต่อาการทางกาย เช่น ปวดท้อง ปวดศีรษะ หน้าอกคัดตึง ไปจนถึงอาการทางอารมณ์ เช่น หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน วิตกกังวล และซึมเศร้า แม้ว่าจะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของ PMS แต่เชื่อกันว่าเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
บางรายอาจมีอาการรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งในกรณีที่มีอาการรุนแรง อาจเข้าข่ายเป็น PMDD (Premenstrual Dysphoric Disorder) ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและการรักษาจากแพทย์
สำหรับ อาการ pms วิธีแก้ เบื้องต้น สามารถดูแลตัวเองได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด และหลีกเลี่ยงสารกระตุ้นเช่น คาเฟอีน และแอลกอฮอล์ การจดบันทึกอาการ PMS จะช่วยให้เข้าใจรอบเดือนของตัวเองได้ดีขึ้น และสามารถเตรียมตัวรับมือกับอาการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วน pms รักษาได้แม้ในกรณีที่อาการรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวด ยาต้านเศร้า หรือยาคุมกำเนิด เพื่อบรรเทาอาการ อย่างไรก็ตาม การปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล อย่าปล่อยให้ PMS มารบกวนชีวิต เรียนรู้ที่จะเข้าใจและดูแลตัวเอง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกๆ วันของเดือน