FUE ปลูกผมถาวรแบบไร้แผลเป็น ควรรรู้อะไรบ้าง
ทุกวันนี้หลายคนมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องผม ตั้งแต่ผมร่วง ผมบาง หรือศรีษะล้าน ที่เกิดจากกรรมพันธุ์, โรค หรือบาดแผลที่ทำให้รากผมเสียหาย ปัญหาเหล่านั้นสามารถบรรเทาได้ด้วยการปลูกผมที่มีให้เลือกหลากหลายวิธี เช่น การทานยาปลูกผม หรือการผ่าตัดปลูกผมทั้งแบบ FUT และ ปลูกผม FUEแต่สำหรับบทความนี้เราจะมาโฟกัสกันที่การปลูกผม FUE กันว่า ปลูกผม fue คืออะไร ดีกว่าแบบอื่นอย่างไร
ปลูกผม FUE คืออะไร
โดนปกติการผ่าตัดจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ แต่การปลูกผม FUE คือ การปลูกผมถาวรแบบไร้แผลเป็น ด้วยวิธีย้ายรากผมโดยใช้คีมคีบผมและเซลล์รากผมจากจุดที่มีผมหนาซึ่งมักจะอยู่ด้านหลังของศีรษะ ไปยังจุดที่ผมบางหรือศรีษะล้าน เมื่อผ่านไปสักพักรากผมที่ย้ายมาจะยึดกับเนื้อเยื่อบริเวณนั้น ทำให้ผมหนาและดกขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ถ้าให้เปรียบเทียบการปลูกผม FUE ก็คล้ายกับการต่อกิ่งของต้นไม้ ที่สำคัญปลูกผม fue dhi 2 วิธีนี้มีวิธีการคล้ายกันมากระวังจะจำสับสน
ก่อนปลูกผม FUE ต้องเตรียมตัวอย่างไร
ก่อนปลูกผม FUE ต้องมีการเตรียมตัวเตรียมร่างกายกันพอสมควร อาทิ
1.ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนว่า เราจะมีความเสี่ยงอะไรไหมถ้าหากต้องการ ปลูกผม FUE
2.งดสูบบุหรี่ งดดื่มเคื่องดื่มมึนเมา งดชาและกาแฟ
3.งดทานยาที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัวเพราะเซลล์รากผมจะจับตัวกับเนื้อเยื่อยากขึ้น
4.งดสารช่วยให้ผมดก 7 วันก่อนปลูกผม FUE
5.วันที่จะมาปลูกผม FUE ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารมาก่อนเพราะใช้เวลาทำค่อนข้างนาน และอย่าลืมสระผมมาด้วย
ปลูกผมแบบ FUE เจ็บไหม เป็นแผลใหญ่ไหม
การปลูกผม FUE ทุกครั้งแพทย์จะฉีดยาชาให้คนไข้ก่อน บางท่านอาจจะให้ทานยานอนหลับชนิดไม่รุนแรงด้วยเพื่อให้ร่างกายรับรู้ความเจ็บปวดน้อยลง ฉะนั้นถ้าถามว่าเจ็บไหม ตอบได้เลยว่า เจ็บแค่ช่วงที่ฉีดยา หลังจากนั้นจะไม่เจ็บ
การผ่าตัดปลูกผม FUE ใช้เวลานานไหม
การปลูกผม FUE เป็นวิธีการที่ละเอียดอ่อนจึงใช้เวลานานประมาณ 5-10 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจุดที่คนไข้ต้องการปลูกผมว่ามากน้อยแค่ไหน แต่ขอแนะนำว่าวันที่จะมาปลูกผม FUE ควรทำตัวให้ว่างไว้จะดีกว่า
ข้อดีในการปลูกผมเทคนิค FUE
ปลูกผม FUE มีข้อดีคือ
1.แผลจะเล็กมาก เล็กระดับมิลลิเมตร ทำให้เลือดออกน้อย แผลหายเองและหายไว เมื่อแผลหายก็ไม่มีทางจะสังเกตเห็นได้
2.เนื่องจากแผลเล็กมากทำให้ พักฟื้นไม่นานก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้แล้ว
3.เส้นผมที่ปลูกลงไปมีอัตราการเกิดมากกว่า 90% และผมที่งอกใหม่จะแข็งแรงและหนาแน่นกว่าเดิม
4.ผมที่ขึ้นใหม่คือผมของตัวคนไข้เองเพราะฉะนั้นจึงปลอดภัยและดูเป็นธรรมชาติ
ขั้นตอนการปลูกผม FUE
การปลูกผม FUE มีขั้นตอนดังนี้
1.แพทย์จะวาดแนวผมที่จะปลูก โดยแพทย์จะออกแบบให้เข้ากับรูปหน้าคนไข้ และความต้องการของคนไข้ด้วย
2.แพทย์จะโกนผมบริเวณที่จะเอาเซลล์รากผมมาใช้ ซึ่งส่วนใหญ่มักใช้บริเวณท้ายท้อ เมื่อโกนเสร็จแพทย์จะฉีดยาชาหรือให้ยานอนหลับแก่คนไข้ แล้วก็ฆ่าเชื้อบริเวณนั้น
3.รอสักพักให้ยาชาทำงานและแพทย์จะเริ่มคัดเซลล์รากผม โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะด้านหลังของศีรษะ ขนานไปกับเซลล์รากผม แล้วดึงเซลล์รากผมออกมาเก็บไว้ในน้ำเลี้ยงเซลล์ ให้รากผมมีสภาพสมบูรณ์ที่สุด
4.ต่อไปแพทย์จะฉีดยาชาบริเวณที่จะปลูกผม FUE แล้วก็เจาะรูเพื่อกำหนดตำแหน่ง และทิศทางของแนวผม
5.จากนั้นแพทย์จะฉีดยาห้ามเลือดที่ผสมในน้ำเกลือ เพื่อให้หนังศีรษะพองตัวขึ้น เพื่อให้ง่ายต่อการใส่รากผม แล้วแพทย์ก็นำเซลล์รากผมใส่ลงไปในรูที่เจาะไว้จนครบ
6.สุดท้ายแพทย์จะปิดผ้าพันแผลที่บริเวณปลูกผม โดยต้องพันไว้ประมาณ 1-2 วันก็เป็นอันจบกระบวนการ
ผลลัพธ์ที่ได้จากการปลูกผม FUE
หลังจากปลูกผม FUE แล้ว ใน 1 เดือนผมจะค่อย ๆ ร่วงและจะงอกขึ้นมาใหม่ภายใน 1 ปี โดยผมที่งอกใหม่นั้นจะแข็งแรงและหนากว่าเดิม ส่วนอาการต่าง ๆ ที่จะตามมาคือ บริเวณที่ปลูกผมอาจจะบวมและคันแต่จะหายเองใน 7 วัน ถ้าคนไข้รู้สึกว่าบวมมากใช้วิธีประคบเย็นช่วยได้ ถ้าคันอย่าเกา อย่าถูบริเวณแผล ควรลูบเบาๆ หรือทายาลดคันแทน
หลังผ่าตัดปลูกผม FUE ต้องดูแลตัวเองอย่างไร
หลังปลูกผม FUE ไปแล้วคนไข้ควรปฎิบัติตัวดังนี้
1.ไม่ควรยุ่งกับบริเวณที่พึ่งปลูกผมมา เพราะเซลล์รากผมยังไม่ติดกับเนื้อเยื่อดี อาจทำให้ผมไม่ขึ้นได้
2.สระผมได้หลังจากเอาผ้าพันแผลออก แต่ต้องสระเบา ๆ
3.งดออกกำลังกาย 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะการว่ายน้ำ ต้องงด อย่างน้อย 1 เดือน
4.งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มมึนเมาจนการแพทย์จะอนุญาต
5.สามารถทำสีผมได้ หลังจากปลูกผม FUE 1 เดือน
6.ทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และหากมีอาการผิดปกติ รีบพบแพทย์ทันที
สรุป
การปลูกผม FUE ถือเป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาผมร่วง, ผมบาง และศรีษะล้าน ได้อย่างดี ช่วยให้คุณกลับมามีผมดกดำ เสริมบุคลิกเพิ่มความมั่นใจให้มากขึ้น นอกจากจะไม่มีอันตรายจากสารเคมีแล้ว ยังไม่ต้องพักฟื้นนานอีกด้วย แต่ทั้งนี้หากปลูกผม fue ไม่ขึ้น อาจจะเกิดจากปัจจัยบางประการ เพราะฉะนั้นก่อนจะเริ่มทำควรปรึกษาแพทย์ให้เรียบร้อยก่อน
