สินเชื่อบ้านแลกเงินคืออะไร การเปลี่ยนบ้านให้เป็นเงินทุนมีขั้นตอนอะไรบ้าง
ตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 ผู้ประกอบการต้องกุมขมับกันเดินหน้าต่อไม่ถูก เนื่องจากมีผลกระทบอย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบการหลายคนต้องรับมือกับการพยายามประคับประคองธุรกิจไว้ และสถานการณ์ก็ยังไม่ค่อยดีขึ้น เพราะมีแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้นรายได้น้อยลงเรื่อยๆ
ถ้าสถานการณ์การเงินของคุณยังหมุนเงินไม่ทันเช่นนี้ สินเชื่อบ้านแลกเงินสามารถช่วยคุณได้ สำหรับใครที่ยังไม่ทราบว่าสินเชื่อบ้านแลกเงินคืออะไร ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างหากต้องการเปลี่ยนบ้านให้เป็นเงินทุนมีขั้นตอนดำเนินการอะไรบ้าง ไปดูกัน
สินเชื่อบ้านแลกเงิน คืออะไร
สินเชื่อบ้านแลกเงินคือ การกู้เงินโดยต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันอย่าง บ้าน คอนโด หรืออพาร์ทเมนท์เพื่อมาจดจำนองกับทางธนาคาร ซึ่งการกู้เงินลักษณะนี้ตอบโจทย์แก่ผู้ที่ต้อการนำเงินไปหมุนเวียน เพื่อให้มีสภาพคล่องมากขึ้น โดยที่คุณยังสามารถผ่อนชำระคืนได้ตามที่ตกลงไว้ในสัญญา
สินเชื่อบ้านแลกเงิน เหมาะกับใคร
สินเชื่อบ้านแลกเงินจะทำให้คุณสามารถนำเงินไปใช้ประโยชน์ได้ตามต้องการ หรือใครที่ต้องการนำเงินไปช่วยหมุนให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้คุณก็สามารถยื่นขอสินเชื่อบ้านแลกเงินได้เช่นกัน โดยบุคคลที่สามารถยื่นขอสินเชื่อบ้านแลกเงิน มีดังนี้
- ผู้ที่ต้องการนำเงินไปทำธุรกิจ
- ผู้ที่ต้องการรวมหนี้ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะทั้ง หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้บัตรกดเงินสด ซึ่งคุณสามารถขอผ่อนชำระในรูปแบบสินเชื่อบ้านแลกเงินได้ และยังได้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลด้วย
- ผู้ที่มีอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ คอนโด อาคารพาณิชย์ หรือที่ดินเปล่า โดยคุณสามารถยื่นขอสินเชื่อบ้านแลกเงินได้ หากคุณต้องการนำเงินไปหมุนเพื่อให้มีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น
อยากสมัครสินเชื่อบ้านแลกเงิน ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
สำหรับใครที่ต้องการสมัครสินเชื่อบ้านแลกเงิน 2566 หากคุณมีความจำเป็นต้องการใช้เงินก้อนคุณสามารถยื่นขอสินเชื่อบ้านแลกเงินได้ แต่คุณจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีอายุครบ 20 ปีขึ้นไป
- ผู้มีหลักทรัพย์มาค้ำประกัน ได้แก่ บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ คอนโด อาคารพาณิชย์ หรือที่ดิน
- ผู้มีรายได้ประจำ อายุของคุณกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี และมีอายุงานตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
- ผู้ประกอบอาชีพอิสระ/เจ้าของกิจการ อายุของคุณกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 70 ปี และดำเนินกิจการมาแล้วมากกว่า 1 ปี
ข้อดีสินเชื่อบ้านแลกเงิน
เชื่อว่าหลายคนอาจจะสงสัยกันอยู่ว่าทำไมการยื่นขอสินเชื่อบ้านแลกเงินมีดีกว่าการขอกู้ด้วยสินเชื่อส่วนบุคคลอย่างไร มีความแตกต่างอย่างไรบ้าง เราจึงได้รวบรวมข้อดีของการขอสินเชื่อบ้านแลกเงิน มีดังนี้
- คิดดอกเบี้ยต่ำ
การขอสินเชื่อบ้านแลกเงินจะคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าการขอกู้ด้วยสินเชื่อส่วนบุคคล เพราะจะคิดโดยลดต้นและลดดอก หมายความว่าถ้าคุณสามารถโปะได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้หมดหนี้ได้เร็วขึ้น
- อัตราดอกเบี้ยถูก
ทางธนาคารจะเสนออัตราดอกเบี้ยที่ 5.5% เท่านั้น ถ้าเปรียบเทียบกับสินเชื่อส่วนบุคคลแบบอื่นๆ ที่จะเริ่มคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 28%
- ให้วงเงินมากกว่าสินเชื่ออื่นหลายเท่า
สินเชื่อบ้านแลกเงินจะให้วงเงินกู้สูงสุดถึง 95% ของหลักประกันซึ่งถือเป็นวงเงินที่สูงมาก เพราะถ้าคุณยื่นขอสินเชื่อส่วนบุคคลแบบอื่นอาจจะไม่สามารถได้มากเท่านี้
- ผ่อนได้อย่างสบายกระเป๋า
อีกหนึ่งข้อดีของการการขอสินเชื่อบ้านแลกเงินเพราะบางธนาคารจะให้คุณผ่อนนานสูงสุดถึง 30 ปี ทำให้คุณผ่อนได้นานกว่าสินเชื่อแบบอื่นๆ
ขั้นตอนการสมัครสินเชื่อบ้านแลกเงิน
- คุณต้องมีประวัติทางการเงินที่ดีเสียก่อน เพราะถ้าคุณมีประวัติเสียหรือมีการค้างชำระหนี้เก่าไว้ ทางธนาคารก็สามารถปฏิเสธได้เช่นกัน
- เตรียมเอกสารให้พร้อม โดยเอกสารที่ต้องเตรียมยื่นขอสินเชื่อบ้านแลกเงิน มีดังต่อไปนี้
- เอกสารยืนยันตัวตน ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาใบเปลี่ยนชื่อ (ถ้ามี)
- เอกสารยืนยันรายได้ ได้แก่ หนังสือรับรองเงินเดือน สลิปเงินเดือน รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
- เอกสารยืนยันหลักทรัพย์ ได้แก่ สำเนาโฉนดที่ดิน และรูปถ่ายบ้านที่ใช้ขอสินเชื่อ
- เมื่อคุณได้ยื่นเอกสารกับทางธนาคารแล้ว ทางธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่ให้มาทำการประเมินสภาพบ้านที่ขอสินเชื่อ เพื่อใช้ประกอบการอนุมัติวงเงินกู้ตามมูลค่าทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกัน
- รอการพิจารณาจากทางธนาคาร ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยในขั้นตอนนี้ผู้กู้สามารถเลือกตอบรับวงเงินกู้ได้ว่าจะขอลดวงเงินที่ได้รับ หรือหากต้องการทำสัญญากับทางธนาคารอื่นสามารถแจ้งในขั้นตอนนี้ได้เลย
- เมื่อทางธนาคารทำการอนุมัติ ทางธนาคารจะนัดให้ผู้กู้มาเซ็นสัญญา พร้อมดำเนินการทำสัญญาจดจำนองที่ดิน ณ สำนักงานที่ดินใกล้บ้านของผู้กู้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสินเชื่อบ้านแลกเงิน
บ้านแลกเงินรับบ้านประเภทใดบ้าง?
สำหรับใครที่สงสัยว่าถ้าอยากนำบ้านแลกเงินทางธนาคารจะรับพิจารณาบ้านแบบไหนบ้าง โดยสินเชื่อบ้านแลกเงินรับพิจารณาบ้านดังต่อไปนี้ บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด, ทาวน์เฮ้าส์, ทาวน์โฮม,ห้องชุดคอนโดมิเนียม หรืออาคารพาณิชย์
จํานองบ้านกับธนาคาร แตกต่างกับ สินเชื่อบ้านแลกเงิน อย่างไร?
การจำนองบ้านจะต้องมีบ้านมาเป็นตัวคำประกัน ดำเนินการทำสัญญาต่อหน้าพนักงาน ณ กรมที่ดิน โดยวงเงินของจำนองบ้านจะไม่เกิน 30% จากราคาประเมินหลักทรัพย์
สินเชื่อบ้านแลกเงินคุณสามารถนำบ้านหรือสินทรัพย์ทุกชนิดที่เป็นประเภทของที่อยู่อาศัยมาใช้เป็นหลักประกันกับทางธนาคารได้ โดยให้วงเงินกู้มากถึง 95% และทางธนาคารยังให้ระยะเวลาการผ่อนชำระเป็นงวดๆ จนกว่าครบวงเงินที่ระบุไว้ในสัญญาแต่จะต้องไม่เกิน 30 ปี หรือกรณีผู้กู้จะต้องมีอายุมากกว่าระยะเวลาโดยไม่เกินอายุ 65-70 ปีของอายุผู้กู้
อาชีพอิสระสามารถทำสินเชื่อบ้านแลกเงินได้ไหม?
สำหรับใครที่ประกอบอาชีพอิสระหรือถ้าคุณมีธุรกิจส่วนตัว คุณก็สามารถยื่นขอสินเชื่อบ้านแลกเงินได้เช่นกัน โดยเอกสารที่ต้องเตรียมมีดังต่อไปนี้
- สำเนาบัตรประชาชน (รับรองสำเนาถูกต้อง)
- สำเนาทะเบียนบ้าน (รับรองสำเนาถูกต้อง)
- สำเนาใบทะเบียนสมรส / ใบเปลี่ยนชื่อสกุล
- ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนนิติบุคคล / ใบจดทะเบียนการค้า / ใบทะเบียนพาณิชย์
- สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีชื่อผู้กู้ / ผู้กู้ร่วม
- งบการเงินย้อนหลัง 3 ปีของกิจการ
- สำเนาใบแสดงการหักภาษี ณ ที่จ่าย / ใบ ภ.ง.ด / ใบ ภ.พ.30 ย้อนหลัง 6 เดือน
- Bank Statement ย้อนหลัง 6 เดือน (บัญชีส่วนตัว)
- Bank Statement ย้อนหลัง 6 เดือน (บัญชีกิจการ)
- เอกสารที่แสดงถึงฐานะทางการเงิน เช่น บัญชีเงินออม, กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน (ถ้ามี)
รีไฟแนนซ์บ้านกับบ้านแลกเงิน ต่างกันอย่างไร?
รีไฟแนนซ์บ้าน คือ การกู้เงินจากธนาคารใหม่เพื่อนำเงินกู้มาเคลียร์หนี้จากธนาคารเก่าให้หมดไป ซึ่งการรีไฟแนนซ์บ้านจะช่วยลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าเดิม ทำให้คุณสามารถผ่อนชำระอย่างสบายมากขึ้น
สินเชื่อบ้านแลกเงินคือ การนำหลักทรัพย์ที่เป็นประเภทของที่อยู่อาศัยมาแลกเป็นเงินก้อน จะเห็นได้ว่าการขอสินเชื่อบ้านแลกเงินจึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการนำเงินไปหมุนใช้นั่นเอง
สรุปเรื่องสินเชื่อบ้านแลกเงิน
แม้ว่าการขอสินเชื่อบ้านแลกเงินจะให้อัตราผ่อนชำระที่ต่ำและให้คุณผ่อนได้นาน แต่คุณจะต้องคิดให้รอบคอบก่อนว่ามีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินก้อนจริงๆ เพราะถ้าคุณไม่สามารถผ่อนได้ทันตามที่ตกลงไว้กับทางธนาคาร คุณอาจจะต้องจ่ายดอกเบี้ยนานกว่าเดิมด้วย นอกจากนี้คุณจะต้องศึกษาหาข้อมูลของธนาคารให้ดี เช็กโปรโมชั่นก่อนที่จะตัดสินใจกู้ เพื่อที่คุณได้รับเงินอย่างคุ้มค่ามากที่สุด