รีไฟแนนซ์บ้าน ทางเลือกที่ง่ายกว่า สำหรับคนอยากมีบ้าน
ใครๆก็อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง เเต่อุปสรรคใหญ่ที่สุดของการมีบ้าน คือ กำลังทรัพย์ของเเต่ละคน การซื้อบ้านสักหลังต้องใช้เงินก้อน เพราะบ้านเป็นอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ การที่จะเตรียมเงินเพื่อซื้อบ้านสักหลัง จำเป็นต้องกู้ธนาคาร ซึ่งเเค่เงินต้นก็เยอะมากเเล้ว ยังต้องมีดอกเบี้ยอีกต่างหาก
สถาบันการเงินจังเสนอตัวช่วยอย่างการ รีไฟเเนนซ์บ้าน ซึ่งจะช่วยลดภาระจากเงินกู้เก่า รวมถึงช่วยลดเบี้ยที่ต้องจ่ายธนาคารด้วย การนำบ้านเป็นหลักประกัน มาถึงตรงนี้ หลายคนคงเริ่มสนใจเเล้วว่า การรีไฟเเนนซ์บ้าน คืออะไร เเละมันจะช่วยผ่อนภาระให้เค้าได้อย่างไรบ้าง มาหาคำตอบกันจากบทความนี้
‘รีไฟแนนซ์บ้าน’ คืออะไร มาทำความรู้จักกัน
การรีไฟแนนซ์บ้าน คือการกู้ยืมเงินจากเจ้าหนี้รายใหม่ เพื่อนำมาปิดหนี้กับเจ้าหนี้รายเก่า โดยการนำบ้านไปเป็นหลักประกันในการกู้ ซึ่งเงื่อนไข คือ ตัวบ้านต้องผ่อนมามากกว่า 3 ปีเเล้ว ซึ่งการเปลี่ยนเจ้าหนี้จะช่วยให้ผู้กู้ได้ประโยชน์มากกว่าการผ่อนจ่ายกับเจ้าหนี้รายเดิม
ซึ่งเป้าหมายของการรีไฟแนนซ์บ้านคือ ผู้กู้ต้องการจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำลง ทำให้ผู้กู้ยืดระยะเวลาชำระหนี้ออกไปได้มากขึ้น หรือผู้กู้สามารถขอวงเงินกู้เพิ่มจากส่วนต่างที่เคยได้จ่ายไปแล้วกับเจ้าหนี้รายเก่า
รีไฟแนนซ์บ้านมีขั้นตอน อะไรบ้าง
การรีไฟเเนนซ์บ้านมีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตาม โดยพื้นฐานเเล้ว จะอยู่ที่ 5 ขั้นตอน มีรายละเอียด ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 : ตรวจสอบสัญญากู้บ้านฉบับเดิม
การทำรีไฟเเนนซ์ ต้องเริ่มที่การเช็คเอกสารทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อน ดูรายละเอียดสัญญาว่ามีอะไรบ้างที่จะเป็นปัญหาไหม ยกตัวอย่างเช่น สัญญาเงินกู้ส่วนใหญ่จะตั้งเงื่อนไขว่า หากจะปลดหนี้ทั้งหมด ต้องมีการผ่อนชำระเป็นระยะเวลาเท่าไหร่ หากทำการปลดหนี้ทั้งหมดก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้ อาจโดนค่าปรับได้
ปกติแล้วเงื่อนไขการปลดหนี้ของสถาบันการเงินส่วนใหญ่ ระยะเวลาขั้นต่ำที่ต้องผ่อนชำระก่อน คือ 3 ปี ดังนั้นผู้กู้ไม่อยากโดนค่าปรับ ควรยื่นรีไฟแนนซ์บ้านหลังจากผ่อนชำระเเล้ว 3 ปี
ขั้นตอนที่ 2 : เปรียบเทียบ คัดเลือกโปรโมชั่นที่เหมาะสมที่สุด
โปรโมชันรีไฟเเนนซ์บ้าน ของเเต่ละสถาบันการเงิน จะมีความเเตกต่างกันไป ดังนั้นควรนำรายละเอียดการรีไฟเเนนซ์ของเเต่ละธนาคารมาเลือกดู โดยเลือกสถาบันการเงินที่มีเงื่อนไขตรงกับความต้องการเรามากที่สุด ซึ่งมักจะเป็น ดอกเบี้ยต่ำ ระยะเวลาผ่อนนานๆ
ขั้นตอนที่ 3 : เตรียมความพร้อมในเรื่องเอกสาร
เมื่อเลือกโปรโมชันและสถาบันการเงินที่ต้องการเรียบร้อยเเล้ว ถัดไปเราต้องทำการเตรียมเอกสารเพื่อยื่นให้สถาบันการเงินใหม่เพื่อพิจารณา และยื่นให้สถาบันการเงินเก่าเพื่อยื่นคำขอในการปิดหนี้ โดยเอกสารที่ต้องเตรียมก็จะคล้าย ๆ กับการเตรียมเอกสารเพื่อขอสินเชื่อ เช่น เอกสารยืนยันตัวตน เอกสารสำคัญประจำตัวต่างๆ เอกสารทางการเงิน เอกสารหลักประกันการรีไฟแนนซ์บ้าน
ขั้นตอนที่ 4 : ดำเนินการยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้าน
เมื่อได้สถาบันการเงินที่อยากรีไฟเเนนซ์เเล้ว เอกสารก็เตรียมพร้อมเเล้ว ผู้กู้สามารถนำเอกสารที่เตรียมทั้งหมดไปยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้านกับสถาบันการเงินใหม่ได้เลย โดยสถาบันการเงินใหม่ก็จะตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารที่ผู้กู้ยื่นมาทั้งหมด นำมาประเมินหลักประกัน จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จากสถาบันการเงินใหม่ก็จะแจ้งผลการอนุมัติรีไฟแนนซ์บ้านกับเรา
ขั้นตอนที่ 5 : ทำสัญญาสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านใหม่ และการจดจำนอง
หากผลการอนุมัติรีไฟแนนซ์บ้านผ่านเป็นที่เรียบร้อย ผู้กู้สามารถไปติดต่อกับสถาบันการเงินเดิมเพื่อสอบถามรายละเอียดและนัดวันไถ่ถอน เพื่อปิดหนี้เก่าได้เลย จากนั้นเจ้าหน้าที่จากสถาบันการเงินใหม่ก็จะให้ผู้กู้เซ็นเอกสารสัญญากู้ฉบับใหม่ และทำการโอนกรรมสิทธิ์ นำบ้านไปเป็นหลักประกัน จำนองกับสถาบันการเงินใหม่
ซึ่งทั้ง 5 ขั้นตอนนี้เป็น ขั้นตอนที่ต้องทำสำหรับการยื่นขอรีไฟเเนนซ์บ้าน มีปัญหาหนึ่งอย่างในขั้นตอนที่เราต้องหายื่นขอรีไฟเเนนซ์ เราสามารถยื่นขอได้มากกว่า 1 ที่ และส่วนใหญ่ต้องกรอกข้อมูลส่งทีละธนาคาร ซึ่งต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก เราสามารถที่จะเเก้ปัญหานี้ง่ายๆ โดยดูได้ที่หัวข้อถัดไป
อยากรีไฟแนนซ์บ้านยื่นข้อมูลสมัครครั้งเดียวทำยังไง
เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ธนาคารที่เรายื่นขอรีไฟเเนนซ์จะอนมุติการรีไฟเเนนซ์ให้เราไหม ดังนั้นเราสามารถที่จะยื่นขอรีไฟเเนนซ์กับหลายธนาคารได้ จากที่กล่าวไว้เบื้องต้น ที่เราต้องมาคอยกรอกข้อมูลส่งทุกธนาคาร ซึ่งค่อนข้างกินเวลามาก เราสามารถเเก้ปัญหานี้โดยการลองใช้บริการของ Refinn
Refinn มีบริการหลายอย่างที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนที่ต้องการรีไฟเเนนซ์บ้าน โดยเราสามารถกรอกเงื่อนไขที่เราต้องการ เเละเงื่อนไขที่เรามี เช่น เงินเดือน สามารถผ่อนได้เดือนละเท่าไหร่ เเละข้อมูลอื่นๆ เพียงเท่านี้เราจะได้โปรโมชันการรีไฟเเนนซ์ของเเต่ละธนาคารมาเปรียบเทียบกัน เเละที่สำคัญหากเราถูกใจโปรโมชันมากกว่า 1 ที่ เรากรอกข้อมูลเพียงครั้งเดียวก็สามารถยื่นทุกธนาคารที่ต้องการได้เลย เมื่อทำกับ Refinn
นอกจากนี้ Refinn ยังมีทีมงานมากประสบการณ์ที่จะให้คอยให้คำปรึกษา และความช่วยเหลือ เมื่อเราติดปัญหาในเเต่ละขั้นตอน ซึ่งเราสามารถใช้บริการได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือข้อผูกมัดใดๆ
รีไฟแนนซ์บ้านมีข้อดีอะไรบ้างนะ
การรีไฟเเนนซ์บ้านมีประโยชน์มาก สำหรับคนที่กำลังผ่อนบ้าน เพราะเราต้องใช้เงินในการดำเนินชีวิตประจำวัน หากเราสามารถลดค่าใช้จ่าย ยืดเวลาในการจ่าย จะช่วยให้เราสามารถบริหารเงินได้คล่องมือมากขึ้น โดย รีไฟเเนนซ์มีข้อดี หลักๆ ดังนี้
1. ช่วยลดดอกเบี้ยบ้าน
การขอรีไฟเเนนซ์ โดยไปทำการผ่อนส่งกับสถาบันการเงินรายใหม่ เนื่องจากเงินต้นจะลดลง เเล้วเรายังมีบ้านเป็นหลักประกัน ทำให้เราสามารถลดดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้เจ้าหนี้ได้
2. ช่วยลด หรือ ยืดระยะเวลาในการผ่อนบ้าน
อีกข้อดีของการรีไฟเเนนซ์ คือ ช่วยลด หรือ ยิด ระยะเวลาผ่อนบ้าน บางรายอาจต้องการลดระยะเวลาผ่อนบ้านเพื่อให้จ่ายดอกเบี้ยน้อยที่สุด หรือบางรายอาจจะขอยืดเวลาการผ่อน เพื่อให้สถานะการเงินยังคล่องตัวในการใช้จ่ายส่วนอื่น
3. ช่วยขอวงเงินกู้เพิ่มได้
การรีไฟเเนนซ์บ้าน เราสามารถยื่นขอวงเงินในการกู้เพิ่มจากสถาบันการเงินใหม่ได้
รีไฟแนนซ์บ้านต้องมีเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
เอกสารทางการเงินเป็นเอกสารสำคัญที่ทางธนาคารจะนำมาประกอบการพิจารณาการอนุมัติรีไฟแนนซ์บ้าน เพราะเอกสารทางการเงินจะเป็นตัวบ่งบอกถึงความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ โดยเอกสารทางการเงินที่ต้องยื่นจะแตกต่างกันตามอาชีพของผู้กู้ มีรายละเอียด ดังนี
สำหรับพนักงานบริษัท ราชการ รัฐวิสาหกิจ
- สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองการทำงาน(ตัวจริง)
- รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
- สำเนาหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)
สำหรับเจ้าของกิจการ เจ้าของธุรกิจ
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน/ใบทะเบียนการค้า
- สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีชื่อผู้กู้/ผู้กู้ร่วม
- สำเนารายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน (ทั้งในนามบุคคลและกิจการ)
- สำเนา ภ.พ. 30 (ถ้ามี)
สำหรับคนที่ประกอบอาชีพอิสระ
- สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร เพื่อแสดงหลักฐานการเดินบัญชีย้อนหลัง
- หลักฐานแสดงที่มาของรายได้ ได้แก่ Statement จากธนาคาร ใบเสร็จรับเงิน ใบเสนอราคา ทวิ 50 หรือหนังสือหักภาษี ณ ที่จ่าย หลักฐานการชำระภาษีเงินได้ประจำปี รวมถึงเอกสารแสดงรายได้
สรุป
การขอรีไฟเเนนซ์บ้านจะช่วยผ่อนภาระให้ผู้ที่กู้ผ่อนบ้านได้ในระดับนึงเลย เนื่องจากรายได้ที่หาได้ ยังไงก็มีจำกัด เเต่หนี้ที่มี ยังมีส่วนอื่นๆอีก การบริหารจัดการใช้เงิน ให้เพียงพอใช้ทุกเดือน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ดังนั้นให้การรีไฟเเนนซ์ช่วยผ่อนภาระให้คุณนะครับ