รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต เตรียมตัวอย่างไรเพื่อเพิ่มโอกาสกู้ผ่าน

รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต 2566 ที่ควรรู้เพื่อผลประโยชน์สูงสุด

ในยุคสมัยที่ค่าครองชีพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหาร ค่าบ้าน และค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่น ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้กำลังซื้อของและจ่ายเงินลดลง ซึ่งในกรณีผู้ถือบัตรเครดิตหลายใบเพื่อผ่อนสิ่งของที่มีมูลค่าสูงนั้น ถ้ายิ่งปล่อยให้ระยะกู้นานนั่นเท่ากับว่าดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายก็จะสูงขึ้นตาม ซึ่งการที่ต้องเสียเงินจำนวนมากไปกับค่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตหลายใบนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากเลยทีเดียว

ดังนั้นในปัจจุบันจึงได้มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า “รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต” เพื่อช่วยลดค่าดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายในแต่ละเดือนลดลงได้ง่าย ๆ เพียงแค่ย้ายหนี้บัตรเครดิตรวมไว้อยู่ในใบเดียวเท่านั้น


ไขข้อสงสัยเรื่องรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คือ การขอสินเชื่อกับธนาคารเดิมหรือธนาคารใหม่เพื่อนำเงินก้อนที่ได้รับมาชำระค่าใช้จ่ายบัตรเครดิต โดยส่วนมากแล้วผู้กู้มักจะขอรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตด้วยวัตถุประสงค์ต้องการรวมหนี้บัตรเครดิตที่มีทั้งหมดมารวมไว้ที่บัตรเดียว

โดยการรวมหนี้บัตรเครดิตที่มีทั้งหมดมาเป็นหนี้ก้อนเดียวนั้นจะทำให้ชำระหนี้สินได้ง่ายขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนลดลง ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้ผู้กู้มีสภาพคล่องทางการเงินในการชำระหนี้สิน รวมถึงการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

อีกทั้งการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้นจะช่วยยืดระยะเวลาในการชำระหนี้สินด้วยการชำระเงินขั้นต่ำที่มีดอกเบี้ยถูกกว่าบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด จึงทำให้ผู้กู้สามารถชำระดอกเบี้ยที่ถูกลงกว่าการมีบัตรเครดิตหลายใบมาก 

แต่เนื่องจากการชำระขั้นต่ำจะทำให้ระยะเวลาในการผ่อนชำระนานขึ้นซึ่งมีโอกาสทำให้ยอดหนี้ทั้งหมดมากกว่าที่กู้ในตอนแรกได้ ดังนั้นผู้กู้จึงควรบริหารเงินด้วยความไม่ประมาท และไม่ใช้เงินเยอะจนเกินกำลัง เพราะนั่นอาจจะทำให้ยอดหนี้สูงขึ้นโดยที่ไม่ได้ตั้งตัวได้


ฟรีแลนซ์สามารถรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้ไหม

อาชีพอิสระรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้ไหม

สำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระหรือที่เรียกว่าฟรีแลนซ์ ที่กำลังกังวลว่าจะสามารถยื่นรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้หรือไม่ ในที่นี้ทางธนาคารบางแห่งมีเปิดรับสินเชื่อสำหรับฟรีแลนซ์ แต่จะมีขั้นตอนการตรวจสอบที่ละเอียดมากกว่าปกติ เช่น ตรวจสอบรายการเดินบัญชีย้อนหลังเพื่อเช็คให้มั่นใจว่าผู้กู้จะมีรายได้เข้าประจำ และมีความสามารถในการชำระหนี้สินทั้งหมดได้


รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเหมาะกับใคร

การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะเหมาะกับผู้ที่มีความต้องการ ดังนี้

  • ผู้ที่ต้องการรวมยอดหนี้บัตรเครดิตที่มีทั้งหมดมาอยู่ในที่ที่เดียว
  • ผู้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต
  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินด้วยการลดยอดผ่อนชำระต่อเดือน
  • ผู้ที่ต้องการยืดระยะเวลาในการชำระหนี้บัตรเครดิต

วิธีรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

วิธีรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตมีอะไรบ้าง

สำหรับผู้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตแต่ยังไม่รู้ว่าควรเตรียมตัวก่อนยื่นเรื่องอย่างไรดี สามารถตรวจสอบรายละเอียด ดังนี้

  1. ตรวจสอบหนี้คงเหลือปัจจุบันของบัตรเครดิตที่มีทั้งหมดอย่างละเอียด

แม้ว่าการยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าดอกเบี้ยได้มาก แต่ในกรณีที่ผู้กู้มีหนี้บัตรเครดิตไม่สูงมาก หรือมีบัตรเครดิตน้อยไม่ค่อยได้ใช้ ก็ไม่จำเป็นต้องรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเนื่องจากค่าดอกเบี้ยอาจไม่ต่างกันมากนัก แถมยังต้องเสียเวลาในการยื่นเรื่องขอรีไฟแนนซ์อีกด้วย

แต่ในกรณีที่เป็นผู้ที่มียอดชำระบัตรเครดิตสูง มีบัตรเครดิตหลายใบนั้นการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะเป็นคำตอบให้กับผู้กู้ เนื่องจากในแต่ละเดือนผู้กู้จะต้องเสียเงินไปกับค่าดอกเบี้ยเป็นจำนวนที่สูงมาก จนเงินส่วนใหญ่ที่ชำระไปนั้นกลับกลายเป็นการชำระดอกเบี้ยไป กลายเป็นว่าแทบไม่ได้จ่ายเงินต้นเลย 

  1. ค้นหาตรวจสอบ เลือกโปโมชั่นรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด

เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการ หลาย ๆ ธนาคารจึงได้ออกแบบโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต กรุงศรี กสิกร ออมสิน กรุงไทย ktc uob และธนาคารอื่น ๆ ซึ่งเงื่อนไขในการกู้ก็จะแตกต่างกัน

ดังนั้นก่อนที่จะเลือกใช้บริการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตที่ไหนดี ผู้กู้ควรศึกษาโปรโมชั่นของแต่ละธนาคารให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และนำข้อมูลที่ได้มาเปรียบเทียบเพื่อให้ได้โปรโมชั่นที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเองให้มากที่สุด

  1. ยื่นสมัครรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

หลังจากเจอโปรโมชั่นที่ถูกใจแล้ว ผู้กู้ก็จะต้องรวบรวมเอกสารที่ต้องใช้เพื่อส่งให้ธนาคารต่าง ๆ ได้ โดยสามารถยื่นเอกสารพร้อมกันหลายที่ได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำเอกสารไปตรวจสอบและพิจารณาการอนุมัติรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้เวลา 3-7 วันทำการ เมื่อการประเมินเสร็จสิ้นจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปแจ้งผลการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต


รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ช่วยอะไรได้บ้าง

  • ลดอัตราดอกเบี้ย

สำหรับผู้ที่มีบัตรเครดิตส่วนมากจะต้องทราบอยู่แล้วว่าบัตรเครดิตที่ใช้นั้นมักจะมีดอกเบี้ยอยู่ที่ 15-28% ต่อปีของยอดเงินต้น เมื่อคำนวนหนี้สินแล้วจะพบว่าอัตราดอกเบี้ยเหล่านี้เป็นจำนวนที่สูงมากเลยทีเดียว และถ้ามีบัตรเครดิตหลายใบก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าในหนึ่งปีจะต้องเสียเงินกับค่าดอกเบี้ยเป็นจำนวนมหาศาล

ซึ่งการทำรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตก็จะช่วยรวบรวมยอดหนี้บัตรเครดิตหลายใบมาอยู่ในใบเดียวโดยที่ทางธนาคารผู้ให้สินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตส่วนใหญ่จะนำเสนอโปรโมชั่นที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 8-10% ต่อปี ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้กู้เสียเงืนค่าดอกเบี้ยลดลงได้

  • ยอดหนี้ที่ต้องชำระทั้งหมดถูกลง

การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนอกจากจะช่วยทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลงนั้นก็จะทำให้ยอดหนี้ที่ต้องชำระทั้งหมดนั้นลดลงด้วยเช่นกัน เช่น

> ยอดบัตรเครดิตหลายใบ

ยอดหนี้เงินต้น = 200,000 บาท

ดอกเบี้ยเฉลี่ย = 20% (ค่าดอกเบี้ย = 40,000)

= ยอดหนี้ทั้งหมดที่ต้องชำระ = 240,000 บาท

> ยอดบัตรเครดิตใบเดียว

ยอดหนี้เงินต้น = 200,000 บาท

ดอกเบี้ย = 10% (ค่าดอกเบี้ย = 20,000)

= ยอดหนี้ทั้งหมดที่ต้องชำระ = 220,000 บาท

จากตัวอย่างดังกล่าวจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการรีไฟแนนซ์จะช่วยทำให้ผู้กู้สามารถประหยัดเงินได้มากกว่าเดิมมากเลยทีเดียว

  • รายจ่ายค่าหนี้บัตรเครดิตลดลง

ประโยชน์ของการรีไฟแนนซ์ที่ช่วยทำให้อัตราดอกเบี้ยถูกลงนั้นก็จะทำให้ยอดหนี้สินที่ต้องชำระในแต่ละเดือนลดลง ซึ่งการที่รายจ่ายค่าหนี้บัตรเครดิตลดลงก็จะทำให้ผู้กู้สามารถนำเงินส่วนต่างจากการชำระค่าดอกเบี้ยไปใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติม หรือจะนำเงินส่วนต่างมาชำระหนี้เงินต้นเพื่อปิดหนี้ไวขึ้นได้

  • ปลดหนี้ทั้งหมดได้เร็วขึ้น

จากที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะช่วยทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง นั่นหมายความว่าผู้กู้จะมีความสามารถในการชำระหนี้เงินต้นได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน อีกทั้งกาารีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะมีกำหนดชำระหนี้สินแบบตายตัว ซึ่งในกรณีที่ผู้กู้สามารถชำระตามยอดให้ครบตามกำหนดก็จะทำให้ปลดหนี้บัตรเครดิตได้เร็วขึ้นเช่นกัน 


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

รวมคำถามที่มักพบเกี่ยวกับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต 2566

สร้างเครดิตสำหรับการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตอย่างไร?

เพื่อให้การยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตผ่านได้ง่ายมากขึ้น คุณสมบัติที่สำคัญที่ผู้กู้ควรมี คือ การมีประวัติทางการเงินที่ดี ซึ่งในที่นี้จะหมายถึงการชำระหนี้ตรงเวลา ไม่ล่าช้าเกินกว่าช่วงเวลาที่ทางธนาคารกำหนด เป็นต้น

ในส่วนของอาชีพก็จะมีในส่วนของเรื่องรายได้เข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติม โดยผู้กู้ควรที่จะมีรายได้เข้ามาในบัญชีอย่างสม่ำเสมอ ไม่เปลี่ยนงานบ่อย เพื่อให้ทางธนาคารสามารถวางใจได้ว่าผู้กู้จะมีความสามารถในการชำระหนี้สินทั้งหมดได้

สามารถโอนภาระบัตรเครดิตทั้งหมด มารวมในสินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ได้ไหม?

โดยทั่วไปแล้วทางธนาคารจะพิจารณาอนุมัติวงเงินรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตสูงสุดที่ 5 เท่าของรายได้ ดังนั้นถ้าหากหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดรวมกันแล้วไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ทั้งหมด ก็จะทำให้สามารถโอนภาระบัตรเครดิตที่มีทั้งหมดไว้อยู่ในสินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้

ประวัติเสียกับทางธนาคาร สามารถรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้หรือไม่?

หากเป็นผู้มีประวัติเสียทางการเงินกับทางธนาคารไม่ว่าจะเป็นเหตุผลเรื่องการชำระเงินล่าช้าเกินกว่า 120 วัน ไม่มีกำลังในการผ่อนชำระเงินได้ หรืออยู่ในระหว่างการเจรจาปรับโครงสร้างกับทางธนาคารนั้นจะทำให้การเดินเรื่องขอยื่นรีไฟแนนซ์ยากมากขึ้น

เพื่อสามารถยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้อีกครั้ง จึงควรชำระเงินตรงเวลา จ่ายครบตามจำนวนเงินที่ใช้ ในกรณีที่มียอดค้างชำระ ควรชำระหนี้ให้ครบถ้วนเพื่อให้ประวัติกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ซึ่งในกรณีที่เคยมีประวัติเสียกับธนาคารแต่สามารถรักษาประวัติอันดีได้ 3 ปีก็จะสามารถขอยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้อีกครั้ง


สรุปเกี่ยวกับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต เป็นการรวมยอดบัตรเครดิตทั้งหมดที่ต้องจ่ายมาอยู่ในที่ที่เดียว โดยสามารถยื่นเรื่องขอสินเชื่อกับทางธนาคารเดิมที่กำลังผ่อนบัตรเครดิตอยู่หรือจะเปลี่ยนธนาคารใหม่ก็ได้ ซึ่งการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะทำให้ยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือนลดน้อยลง และดอกเบี้ยบัตรเครดิตก็ลดลงด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะเพิ่มความสะดวกสบายในการชำระหนี้สิน และช่วยลดดอกเบี้ยให้ถูกลง แต่ถ้าหากผู้กู้บริหารชำระหนี้สินไม่ดีพอ ก็จะทำให้ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตกลายเป็นข้อเสียที่ว่าผู้กู้กลายเป็นหนี้ระยะยาวมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากใช้บัตรเครดิตจึงควรที่จะระมัดระวังค่าใช้จ่ายเพื่อไม่ให้เกิดก้อนหนี้ที่ไม่สามารถชำระได้