ส่งของไปญี่ปุ่นยากไหม มีขั้นตอนการส่งอย่างไรบ้าง ?

ส่งของไปญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่คนไทยนิยมย้ายถิ่นฐานเข้าไปพักอาศัยมากที่สุด ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น มีระยะทางที่ห่างกันหลายพันกิโลเมตร ทำให้คนไทยที่มีความต้องการส่งของไปญี่ปุ่น อาจคิดว่าการส่งของไปญี่ปุ่นเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยการพัฒนาของระบบโลจิสติกส์ในตอนนี้ สามารถทำให้การส่งของจากไทยไปญี่ปุ่นสามารถทำให้ง่ายมากยิ่งขึ้น ด้วยวิธีการที่ง่ายเพียงไม่กี่ขั้นตอน แต่ก็ต้องมีข้อควรรู้ และข้อควรระวังเกี่ยวกับสิ่งของต้องห้ามบางอย่างด้วย โดยในบทความนี้จะมาแนะนำวิธีการต่าง ๆ ทั้งหมดเกี่ยวกับการส่งของไปญี่ปุ่นห้กับผู้ที่สนใจทุกคนได้ทราบ



สินค้าที่นิยมส่งไปญี่ปุ่น

สำหรับคนที่ที่ไปอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น แน่นอนว่าคนไทยหลาย ๆ คนน่าจะต้องมีความคิดถึงสินค้าบางอย่างที่มาจากประเทศไทย แต่เมื่อต้องไปอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น อาจทำให้ไม่สามารถหาซื้อสินค้าชนิดนั้นได้ ทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องฝากเพื่อน หรือครอบครัวที่อยู่ในประเทศไทย เป็นผู้ที่ต้องส่งของจากไทยไปญี่ปุ่นให้ มาดูกันว่าจะมีสินค้าอะไร ที่ได้รับความนิยมส่งของไปญี่ปุ่นบ้าง โดยจะมีตัวอย่างของสินค้ายอดนิยมแบ่งตามหมวดหมู่ ดังนี้

  • สินค้าประเภทอาหารแห้ง เช่น เครื่องปรุงรสผงสำเร็จรูป, ชาผงสำเร็จรูป, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ผลไม้อบแห้ง, ขนมทานเล่น
  • สินค้าประเภทเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารเสริม, ยารักษาโรค, ยาสามัญประจำบ้าน, ยาดม
  • สินค้าประเภทเครื่องสำอาง เช่น ครีม, ลิปสติก, แป้ง
  • สินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ เช่น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์, เครื่องใช้ไฟฟ้า

ขั้นตอนการส่งของไปญี่ปุ่น

การส่งของไปญี่ปุ่นในปัจจุบัน ในประเทศไทยจะมีบริษัทที่เป็นตัวแทนที่ให้บริการรับ-ส่งพัสดุไปญี่ปุ่นอย่างปลอดภัย และรวดเร็ว โดยเจ้าหน้าที่มีความชำนาญในด้านการรับ-ส่งโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้บริการสามารถมั่นใจว่าพัสดุจะไปถึงมือของผู้รับในประเทศญี่ปุ่นอย่างแน่นอน ซึ่งจะมีขั้นตอนง่าย ๆ ในการส่งของไปญี่ปุ่นกับทางบริษัทรับ-ส่งง่าย ๆ เพียง 6 ขั้นตอน ดังนี้

  1. สมัครสมาชิกผ่านช่องทางการสมัครของผู้ให้บริการรับ-ส่งพัสดุไปญี่ปุ่น
  2. ผู้ที่ต้องการส่งของไปประเทศญี่ปุ่น ต้องแจ้งรายละเอียดของพัสดุ และรูปถ่ายพัสดุ ให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบ
  3. เจ้าหน้าที่เริ่มจัดเตรียมเอกสารเกี่ยวกับการส่งของไปญี่ปุ่น พร้อมกับแพ็กพัสดุให้เรียบร้อย
  4. ผู้ส่งทำการชำระเงินค่าส่งของไปญี่ปุ่นเต็มจำนวน
  5. เริ่มทำการจัดส่งพัสดุ โดยสามารถติดตามรายละเอียดสถานะของการจัดส่งได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  6. เมื่อพัสดุถึงประเทศญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่จะทำการนำจ่ายพัสดุไปยังผู้รับ และแจ้งสถานะของการจัดส่งสำเร็จให้กับผู้จัดส่ง

ข้อควรรู้ก่อนส่งของไปญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการตรวจสอบพัสดุที่มีความเข้มงวด ก่อนที่จะทำการส่งของไปญี่ปุ่น ผู้ส่งพัสดุควรทราบเกี่ยวกับข้อกำหนด และข้อห้ามต่าง ๆ ก่อนที่จะทำการส่งพัสดุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการที่ไม่สามารถส่งพัสดุให้ถึงปลายทางได้ โดยจะมีข้อแนะนำข้อควรรู้ก่อนส่งของไทยไปญี่ปุ่น ดังนี้

ประเภทของสินค้าที่ไม่สามารถส่งของไปญี่ปุ่นได้

  • สินค้าประเภทอาหารสด และสินค้าที่มีส่วนผสมของสัตว์เนื้อแดงทุกชนิด
  • เมล็ดพืชทุกชนิด
  • สินค้าผิดกฎหมาย
  • สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์
  • สัตว์สิ่งมีชีวิตประเภทแมลง
  • พืชที่มีดินของประเทศไทยติดอยู่ หรือแกลบของข้าว
  • ยาต้องห้ามนำเข้า 11 ชนิด โดยจะเป็นยาที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน หรือสารไดเฟนอกโซเลต

ภาษีในการส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น มีวิธีคิดอย่างไร ?

โดยปกติแล้วการส่งของไปญี่ปุ่นหากมูลค่าของสินค้ามีค่าไม่มากกว่า 10,000 YEN หรือ 2,200 บาท ผู้ส่งของไทยไปญี่ปุ่นจะได้การยกเว้นภาษี แต่ถ้าหากสินค้ามีมูลค่าที่สูงกว่าจะถูกคิดภาษีในอัตราเฉลี่ยที่ 4.49-30 % โดยจะขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าประเภทนั้น ๆ


บทสรุป ข้อมูลการส่งของไปญี่ปุ่น

ส่งของไปญี่ปุ่นไม่ยากอย่างที่คิด

การส่งของไปญี่ปุ่นสามารถทำได้ง่ายเพียงไม่กี่ขั้นตอน ซึ่งจะมีข้อระวังเกี่ยวกับสินค้าต้องห้ามส่ง ที่ผู้ส่งก่อนที่จะส่งควรมีการตรวจเช็กสินค้าก่อนส่งของจากไทยไปญี่ปุ่นให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้พัสดุไม่สามารถส่งได้ โดยถ้าหากไม่แน่ใจว่าสินค้าประเภทไหน สามารถส่งได้ หรือไม่สามารถส่งได้ ผู้ที่สนใจสามารถปรึกษาได้กับเจ้าหน้าที่ของผู้ให้บริการเพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้